ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565

บางครั้งเราต้องรู้จัก “แพ้ได้..ถอยให้เป็น” ไม่จำเป็นต้องชนะทุกเรื่องก็ได้

 

บางครั้งเราต้องรู้จัก “แพ้ได้..ถอยให้เป็น” ไม่จำเป็นต้องชนะทุกเรื่องก็ได้

เพื่อให้เราเรียนรู้ ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น อย่างมีความสุข และมีสายสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน

“แพ้ให้เป็น” ในที่นี้ คือการ “ยอม” ให้คนอื่นบ้างยอม เห็นด้วยเป็นบางครั้ง กับความคิดเห็น

หรือ คำพูดของคนอื่น ที่เราไม่เห็น ด้วยเลยสักนิด เพราะมันจะช่วย ให้ความสัมพันธ์

ของเราและเขาดำเนินไปด้วยดี ไม่มีเคืองใจกัน เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งเรา

และเขาต้องมี เรื่องเกี่ยวข้องกัน และช่วยเหลือกันและกันอีก

ลองเปิดใจยอมรับความคิดเ ห็นของคนอื่น ที่แตกต่าง จากความคิดเห็น ของเราดู

ถึงเราจะไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยหรือ ขัดกับสิ่งที่เราคิดก็ตาม

แต่เมื่อความคิดเห็นไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนอะไร ให้กับเราหรือใครๆ

เป็นเพียงความคิดในมุมมอง ของเขาที่ อาจไม่เหมือนของเรา

ซึ่งก็เช่นเดียวกับ ความคิดของเราที่ ก็ไม่อาจเหมือน ของเขาด้วย เช่นกัน ถ้ายอมรับ ยอมรับฟังใส่ใจ

และคิดตามแล้ว เราก็อาจจะได้แนว ความคิดใหม่ ๆ หรือ มุมมองใหม่ ๆ

เพิ่มเข้ามาเป็นความรู้ของเราก็ได้ ความคิดของเรา ไม่จำเป็นต้องถูกต้องที่สุดเสมอไป

และ ความคิดของคนอื่น ก็ไม่ได้ผิดไป เสียทั้งหมด ตัดความรู้สึกที่ว่า

“ความคิดฉันถูก” และ “ความคิดของฉัน ต้องชนะเลิศ” ออกไปก่อนเปิดใจ รับฟังความคิดของเขา

ถึงจะไม่ถูกใจอย่างไรก็ต้องฟังให้จบก่อน อย่าเพิ่งตัดสิน ความคิดของเขาว่า

ผิดอย่าคิด แต่จะเอาชนะสิ่งที่เขาคิด ด้วยการบอกหรือคิดว่า มันผิดพร้อม กับยัดเยียดความคิด ของเราให้เขา

แล้วหวังให้เขาเชื่อเขา ไม่เชื่อเราหรอก เพราะขนาดเราเอง ก็ยังไม่เชื่อความคิด ของเขาเลย ใช่ไหม

แล้วเขาหรือจะเชื่อเราได้ “แพ้ให้เป็น” ไม่ใช่ การยอมแพ้ แต่คือการยอมรับความคิด และการกระทำของคนอื่นบ้าง

หากมุ่งแต่จะเอาชนะ เขาด้วยความคิด คำพูดและการกระทำไป เสียทุกครั้งแล้ว

เราก็ไม่มีทางที่จะชนะได้มี แต่จะเป็นการสร้างความขัดแย้ง ทำลายความสัมพันธ์ ที่ดีระหว่างกัน

สร้างสถานการณ์ด้านลบให้เกิดขึ้น ระหว่างเราและเขาอยู่เสมอ

คนที่มีแต่ความอยากเอาชนะคนอื่น ย่อมเป็นคนที่ไม่สามารถ

เอาชนะใจใครได้เ ขาอาจจะชนะ ด้วยคำพูดที่เฉียบแหลม เอาชนะด้วย

การกระทำที่เหนือกว่า แต่ภายในความพ่ายแพ้ ของผู้แพ้ ย่อมมีแต่ความเกลียดชัง

และรอวันเอาคืนแพ้ ให้เป็นในบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้อง ชนะไปเสีย

หมดเลือกชนะ ในเวลาที่เหตุและผลเอื้ออำนวย และเขาคนนั้น พร้อมที่จะรับฟัง

แต่อย่าเอาชนะ เพราะอารมณ์ อยากเอาชนะอยาก ฟาดฟั น เขาให้ย่อยยับ

หรือ บังคับให้เขาต้องยอมเชื่อฟังเรา เพราะจะไม่มีสิ่งดี ๆ ใด ๆ เกิดขึ้นเลย

นอกจากความรู้สึกด้านลบ ที่จะพัฒนาให้กลายเป็นความเกลียดชัไปอีก นานแพ้ให้เป็น

ไม่ต้องเป็นผู้ชนะไปเสียทุกเรื่องแพ้ เพื่อให้คนอื่นได้ ชนะบ้าง

เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีดังเดิม หรือพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ในชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน

เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้ง ชัดในทุกเรื่องถอยสักก้าว คลื่นลมจะสงบ

เพราะน้ำที่ใสสะอาดเกินไป ไร้ปลาคนที่ชัดเจน และตรงเกินไป ในทุกเรื่องไร้เพื่อน

ทะเลาะกับคนในครอบครัวต่อให้ชนะความผูกพันก็หมดไป ทะเลาะกับคนรักต่อให้ชนะ

ความรักก็จืดจางไปทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะมิตรภาพ ก็สูญหายไปทะเลาะกัน

เพราะเหตุผลที่เสียหาย คือ ความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดคือตนเอง สีดำ ก็คือสีดำ

สีขาว ก็คือสีขาวใ ห้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอ ะวางอคติและ ความยึดติดของตนลงเสีย

คุณก็จะกลายเป็นคนใจกว้างขึ้น มาในทันทีลองปิดตาเ สียบ้าง ในบ้างครั้ง

เพื่อระวังจิตให้ไม่หวันไหวลอง ไม่ฟัง เ สี ย บ้ า ง ช่างปะไรดีกว่าไปฟังทุกเรื่อง

เปลืองเวลารูดซิบปาก เ สี ย บ้ า ง ในบางทีย่อม จะดีกว่าพูดบ่นเหมือน

คนบ้าปิดหูปากให้สนิท และปิดตาเพื่อป้องกัน ปัญหามากวนใจ

ขอบคุณ ห นั ง สื อ I n s p i r a t i o n L i g h t s U p Y o u r L i f e 

สูตรซุปไก่มันฝรั่ง ทำง่าย แถมอร่อยมาก

 


แจกฟรีสูตรซุปไก่มันฝรั่ง ทำง่าย แถมอร่อยมาก ทานแล้วติดใจกันทั้งบ้าน

ในเวลาที่เราทานข้าว ก็มักจะหาเมนูที่เป็นน้ำซุปร้อนๆเอาไว้ซดน้ำกันใช่ไหมล่ะคะ เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร

และในวันนี้เราได้นำสูตรการทำเมนู ซุปไก่มันฝรั่งที่ทุกคนชื่นชอบมาฝากกันอีกเช่นเคย มีรสชาติที่อร่อย รสชาติลงตัวสุดๆ อีกทั้งขั้นตอนในการทำก็ง่ายมาก อร่อยไม่แพ้ตามร้านอาหารเลย

สิ่งที่ต้องเตรียม มีดังนี้

1. ไก่ วันนี้ผมใช้ ปีกบน เหมือนเดิม

2. มันฝรั่ง เลือกใช้หัวที่แข็ง และไม่มีตำหนิ

3. มะเขือเทศ เลือกลูกที่ดูแล้วสวยๆ ตรงหัวมีใบสีเขียวๆ อยู่

4. หอมใหญ่ เลือกที่หัวยังแน่นๆ ไม่มีราดำ

5. ขึ้นฉ่าย

6. ข่า

7. กระเทียม

8. อบเชย

9. พริกไทยดำ

10. เกลือ

11. ผงปรุงรสไก่ บางคนไม่ใส่ก็ได้นะครับ ใส่เพื่อให้ซุปกลมกล่อมขึ้น

ขั้นตอนในการทำ

1. เตรียมหม้อ และตั้งน้ำให้เดือด

2. จากนั้นพอน้ำเดือดแล้ว ใส่ ข่า อบเชย พริกไทยดำ กระเทียม แล้วตามด้วยไก่ที่เราเตรียมเอาไว้ ใส่ลงไป ต้มไว้ 20 นาที

– บางคนก็ใช้รากผักชี บางคนก็ใส่แต่มันฝรั่งกับไก่ ลงไปเลย แล้วแต่สูตรเลยครับ

– อย่าลืมช้อนฟองนะครับ เดี๋ยวน้ำจะขุ่นเอา

3. 20 นาทีผ่านไปก็เอามันฝรั่งที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงได้เลยครับ แล้วก็ต้มไว้อีก 10 นาที

– บางคนจะเอาผักทั้งหมดลงก่อน แล้วตามด้วยไก่ หรือจะเอามันฝรั่งลงพร้อมไก่ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะครับ

4. ผ่านไป 10 นาทีก็เอาหอมใหญ่ลงเลยครับ

5. 10 นาทีต่อมาหอมใหญ่เริ่มใส ก็เอามะเขือเทศลงหม้อตามไปเลยครับ จากนั้นก็ต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที

– ทำมา 50 กว่านาที ใกล้เสร็จแล้วครับ!! ก่อนที่เราจะใส่ขึ้นฉ่าย ให้เราตัก ข่ากับอบเชยออกก่อนนะครับ

6. ใส่ขึ้นฉ่าย แล้วปรุงรสด้วยเกลือกับผงปรุงรสไก่ครับ(ถ้าไม่มีรสไก่ ใช้รสหมูแทนก็ได้ครับ ที่ใส่ผงปรุงรสเพราะทำให้น้ำกลมกล่อมขึ้น)

– สำหรับบางคนตอนปรุงรส มีทั้งน้ำปลา น้ำตาล เกลือ พริกไทยป่น ฯลฯ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยนะครับ

7. 1 ชั่วโมงผ่านไป เสร็จเรียบร้อยกับ ซุปไก่มันฝรั่ง

ตักมาชิมสักถ้วยนึง ไก่เปื่อย มันฝรั่งนุ่ม หอมใหญ่กับมะเขือเทศเปื่อยพอดี

– ถ้าให้อร่อยจริงๆ ทิ้งไว้ในหม้อสัก 6 ชั่วโมงไม่ก็ข้ามคืนแล้วมาอุ่นให้เดือดตอนเช้า ซุปจะอร่อยยิ่งขึ้นครับ

อิ่มไปอีกมื้อครับ เรื่องซุปไก่มันฝรั่งนี่มีสูตรมากมายครับ อันนี้เป็นแค่อีกแนวหนึ่ง สำหรับคนชอบซุปเปื่อยๆ นะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : สมาชิกหมายเลข 873861 

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

อยากให้ชีวิตเจริญ อย่าพูดคำว่า "ไม่มีเงิน"

 

อยากให้ชีวิตเจริญ อย่าพูดคำว่า "ไม่มีเงิน"

คำว่า ไม่มีเงิน เราเคยได้ยินคนพูดมานักต่อนัก ทำไมถึงไม่มีเงิน ทั้งๆที่ร่างกายก็สมบูรณ์แบบใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ เพราะอะไร คงจะเป็นเพราะขาดความอดทน?

โยมบางคนมาถามเรื่องกสิณ บอกว่าผมจับภาพกสิณ ภาวนาแล้วแต่ทำไมยังไม่เกิดผล อาตมาถามว่าคุณภาวนากี่ครั้ง ถึงร้อยครั้งหรือยัง ?

เขาก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง แสดงว่าร้อยครั้งยังไม่ถึงเลย จึงบอกเขาไปว่า คุณไปเปิดหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน หรือหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุงดู ในเรื่องการฝึกกสิณ

ท่านบอกว่า ให้ลืมตามองภาพ หลับตาลงนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา พอภาพเลือนไปให้ลืมตาดูใหม่ หลับตาลงกำหนดนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับลมหายใจและคำภาวนา ทำอย่างนั้นเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกว่าภาพนั้นจะเริ่มติดตาติดใจ ทีนี้เขาเองหลักร้อยยังไม่ผ่านเลย แล้วจะไปกล่าวถึงเป็นหมื่นเป็นแสนได้อย่างไร

เมื่อตอนบ่ายมีโยมมาปรารภว่า ตอนนี้การทำมาหากินลำบากมาก จะแก้ไขด้วยวิธีไหน? อาตมาก็แจ้งแก่โยมไปว่า ให้ใช้คาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน เขาบอกว่าภาวนาเป็นประจำเช้าเย็นอยู่แล้ว อาตมาถามว่ากี่จบ? เขาบอกว่าเช้า ๙ จบ เย็น ๙ จบ อาตมาจึงบอกว่า 

"โยมรู้ไหมว่า ถ้าอาตมาแนะนำให้ภาวนา ต่ำสุดจะให้เริ่มที่ ๑๐๘ จบ"

ยังดีกว่าโยมอีกคน เขาบอกว่าท่องคาถาเงินล้านมา ๒ เดือนยังไม่เห็นผล เราก็แปลกใจ เพราะถ้า ๒ เดือน ทำจริงๆ ต้องเห็นผล ถามว่าโยมภาวนาครั้งละกี่จบ ? เขาว่าครั้งละ ๑ จบ แหม..น่าได้ผลจริงๆเลย

"การที่ให้เราภาวนามากๆ ก็เพราะว่าระยะเวลาที่ยาวนาน จะทำให้สมาธิของเราตั้งมั่นมากขึ้น" 

เนื่องจากเรื่องของคาถาขึ้นอยู่กับสมาธิเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งสมาธิสูงเท่าไร คาถาจะยิ่งให้ผลมากขึ้น

ดังนั้น.. การที่พวกเราทั้งหมดในปัจจุบัน ทำแล้วไม่ได้ผลเพราะไม่มีการทุ่มเท สมัยที่อาตมาภาวนาคาถาปัจเจกพระพุทธเจ้า อาตมาภาวนาครั้งละ ๙ จบ ทำไปประมาณ ๓ เดือน ก็เริ่มเห็นผล พอมาปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อท่านมอบคาถาเงินล้านให้ ก็มาปฏิบัติภาวนาดู ตอนนั้นติดใจในการภาวนาคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ก็เลยกำหนดว่า เราภาวนาคาถาเงินล้าน ๙ จบ น่าจะน้อยไป เพิ่มเป็นวันละ ๓๐ จบดีกว่า จาก ๓๐ จบ ทำไปๆ เริ่มเห็นผล ก็มานึกว่า

สมัยหลวงปู่ป่าน ท่านมอบคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ให้แก่ลูกศิษย์ แล้วมีบุคคลตัวอย่างที่ทำแล้วได้ผล ก็คือท่านนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ หรือนายแจ่ม เปาเล้ง ชาวดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นบุคคลตัวอย่างที่หลวงพ่อท่านยกให้ลูกศิษย์ฟัง

ถ้ายิ่งได้พระประธานในโบสถ์ยิ่งดี ก็แปลว่าพี่เขาเอาบุญใหญ่อย่างเดียวแต่ของเรานี่เล็กน้อยแค่ไหน ขอให้รู้เป็นทำหมด พอหน้ากฐินก็เตรียมซองปัจจัยไว้ซองละ ๑,๐๐๐ บาท วัดไหนมีกฐินร่วมกับเขาหมด ๑,๐๐๐ บาท พร้อมผ้าไตร ๑ ชุด ทำจนไม่ต้องนับ บางปีก็ ๔๐ - ๕๐ วัด ก็มี

ดังนั้น..โยมที่บอกว่า ลำบากในเรื่องทำมาหากิน ถ้าตั้งใจภาวนาคาถาเงินล้านจริงๆ ไม่เกิน ๒ เดือน จะมีความคล่องตัวแน่นอน ที่กล้ายืนยันเพราะทำเห็นผลด้วยตนเองมาแล้ว

ทุกวันนี้ ที่บรรดาเพื่อนพระเห็นว่าอาจารย์เล็กรวย ก็คืออานิสงส์ของคาถาเงินล้านนั่นเอง เมื่อเดือนก่อนตอนประชุมพระนวกะ ท่านเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑ ก่อนหน้านี้เคยเป็นคู่เขยกัน คือท่านเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๑ อาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๒ เขาก็เลยเรียกกันว่าเป็นคู่เขยกัน

พอท่านมาถึงก็บอกว่า 

"อาจารย์..ผมติดหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างอยู่ ขอยืมสักสี่แสนสิ" 

อาตมาก็หัวเราะบอกว่า 

"รู้ไหม..ที่เห็นว่าผมรวยเป็นเพราะผมใช้เงินไม่คิด มีเท่าไรผมก็ทุ่มออกเพื่องานส่วนรวมหมด คนที่ทำได้ทุกงาน ทำได้ทุกครั้ง คนเขาจะเห็นว่ารวย แต่จริงๆ แล้ว ผมไม่มีเงินเก็บ ส่วนคนไหนก็ตามที่ไม่ยอมทำอะไรเลย ส่วนใหญ่เขามีเงินเก็บท่วมหัวทั้งนั้น ลองไปขอยืมเขาดูก็แล้วกัน.."

แปลกดี..บางวันอาตมาเหลือเงินติดตัวอยู่แค่ ๒๒ บาทเท่านั้น! หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านแนะนำเอาไว้ ท่านบอกว่า จะมากจะน้อย ขอให้มีเงินติดตัวไว้ บาทหนึ่งสลึงหนึ่งก็ยังดี ถ้าใช้คาถาเงินล้านของท่าน

"อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน" 

อย่างไรก็ต้องมี 

"ถ้าหากว่าโยมมีเหรียญที่ไม่ได้ใช้ ก็ใส่ๆ กระเป๋าไว้บ้าง อย่างไรก็ให้มีเงินติดกระเป๋าอยู่ เป็นการแก้เคล็ด.." 

ในสมัยของหลวงปู่ปาน มีลูกศิษย์ที่ทำคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ แล้วประสบผลสำเร็จเป็นตัวอย่างให้คนอื่นได้

พอมาถึงรุ่นหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านไม่ได้ยกตัวอย่าง แต่อาตมาก็ทำให้เห็นแล้วว่า ถ้าทำจริงก็มีผลจริงๆ เหลือแต่พวกเราทั้งหลายว่าจะมีใครทุ่มเทจริงจัง เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เราปฏิบัติกรรมฐานแล้วได้ผล โดยเฉพาะในส่วนของคาถาเงินล้าน ที่มีอานิสงส์พิเศษก็คือ ความคล่องตัวในความเป็นอยู่

อานิสงส์ของการภาวนานั้น เราได้พุทธานุสติเต็มๆ อยู่แล้ว เพราะเป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าท่านมอบให้มา ถ้าเราต้องการไปนิพพานก็ภาวนาคาถาเงินล้าน แล้วเอาใจเกาะพระนิพพานไว้ ในส่วนของการดำรงชีวิตอยู่ เราต้องการผลพิเศษของคาถา ไปทำจริงๆ สักที เราต้องกล้าคิด กล้าทำ พูดง่ายๆ ก็คือ

ถ้าไม่มีใครกล้าเราก็ว่าเสียเอง ทำตัวเองให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์เสียเลย ถ้าเราทำได้ผล ถึงเวลาไปสอนคนอื่น ก็จะสอนได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกด้วย สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๓  

สูตรน้ำราดหมูแดง หมูกรอบ ข้าวหมูแดงจะอร่อยน้ำราดต้องเด็ด


สอนทำน้ำราดหมูแดง หมูกรอบ ข้าวหมูแดงจะอร่อยน้ำราดต้องเด็ด

แจกสูตรน้ำราดข้ าวห มูแด งหมูกรอ บ และวิธีทำแชร์เก็บไว้เลย ทำขายสร้างรายได้มีอาชีพ ข้ าวห มูแด งอร่อยที่น้ำสีแดงๆราดนะคะ วิธีทำง่ายสุดๆ

เครื่องปรุง

1.ขิ งหั่นละเอียด 1 ช้อนชา

2.กร ะเทียมสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ

3.หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

4.รากผักชีสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ

5.เต้าเจี้ยวดำ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับใส่ราดหน้า)

6.ผงพะโล้ 1/2 ช้อนชา

7.น้ำตาลปีบ ¼ ถ้วยตวง

8.น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

9.ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ

10.ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ

11.ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

12.แป้งมันฮ่องกง หรือแป้งท้าวยายม่อม ¼ ถ้วยตวง (แป้งจะไม่คืนตัว)

13.เห ล้าจีน 1/4 ช้อนชา

14.น้ำต้มหมู หรือน้ำซุปเข้มเข้น 3 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.เจียวหอมแดง กร ะเทียม ขิ ง รากผักชีให้เหลืองหอม นำไปบดหรือโขลกพร้อมเต้าเจี้ยวดำให้ละเอียด

2.ใส่น้ำตาลปีบในน้ำมันที่ใช้เจียวเครื่องปรุงในข้อ 1 เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลละลาย ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย ผงพะโล้ ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส

3.ใส่น้ำต้มหมูหรือน้ำซุปเคี่ยวจนเดือ ด ใส่แป้งมันฮ่องกงหรือแป้งท้าวยายม่อมละลายน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากันอย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อน

ยกลงจากเตา แล้วใส่เห ล้าจีนคนให้เข้ากัน

4.หอมแดงโขลกหรือสับ 3 – 4 หัว นำไปเจียวให้เหลือง นำน้ำมันเจียวหอมไปผสมกับน้ำหมูกรอ บตามข้อ 3 คนให้เข้ากัน

ส่วนผสมห มูแด ง

ส่วนประกอบและเครื่องปรุง

1. ผักชี 2 ต้น ใช้ทั้งรากและใบ

2. กร ะเทียมกลีบใหญ่ 7 กลีบ

3. เนื้อหมูสันใน 1 เส้น (ครึ่งกิโลกรัม)

4. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

5. น้ำปลา 1/2 ถ้วย

6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

7. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ

8. สีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนชา

วิธีการทำห มูแด ง

ทุบรากผักชี และกร ะเทียม (ไม่ต้องปอกเปลือก) เพราะว่าเครื่องต่างๆ เอาไว้หมักเพื่อความหอมเท่านั้น

นำเนื้อหมูสันในมาจิ้มด้วย ที่ทิ่มหมูกรอ บ เพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในเนื้อหมูมากขึ้น ทำทั้งสองด้าน เหตุที่ใช้เนื้อหมูสันใน เพราะว่าเมื่อนำไปย่างแล้วจะนุ่ม ไม่กร ะด้างและไม่แข็งจนเกินไป เหมาะที่จะนำมาทำเป็นห มูแด ง

คลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน เริ่มจากน้ำตาลทราย น้ำปลา พริกไทยป่น ผงพะโล้ สีผสมอาหารสีแดง ลงในชามผสมอาหารสเตนเลส

ห มูแด งจะรสชาติหวานเค็ม ต้องใส่น้ำตาลมากเป็นพิเศษซึ่งน้ำตาลจะช่วยทำให้ห มูแด งที่นำไปย่างมีความมันเงาบนเนื้อของหมู

ใส่ผักชีและกร ะเทียมที่ทุบแล้วลงไป ใส่หมูสันในลงไป

ขยำเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้าไปในเนื้อหมูสันใน จากนั้นทิ้งไว้ 1 คืน หรือหากมีเวลาจำกัด อาจทิ้งไว้ซัก 2 ชั่วโมงก็สามารถนำเนื้อหมูสันในที่ผ่านการหมักมาย่างได้

นำห มูแด งเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศา 40 นาที ส่วนน้ำหมักห มูแด งอย่าเพิ่งทิ้ง สามารถนำมาใช้ทำน้ำห มูแด งต่อได้

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565

สูตรเด็ดสูตรโบราณ ทำง่าย รสชาติดี ทำขายสร้างรายได้กำไรงาม

 


เผยสูตรเด็ดสูตรโบราณ ทำง่าย รสชาติดี ทำขายสร้างรายได้กำไรงาม

ก๋วยจั๊บน้ำเข้มข้นสูตรโบราณ เป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนชื่นชอบ เพราะมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่นเครื่องเทศอีกทั้งยังหาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง ในวันนี้เราได้มีสูตรและเคล็ดลับในการทำมาแจกให้กับเพื่อนๆทุกคนได้ลองนำไปทานกันในครอบครัว ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญนั้นสามารถทำขายสร้างรายได้ดี

ก๋วยจั๊บน้ำข้น เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม

1. เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม

2. ตับหมุ ½ กิโลกรัม

3. ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม

4. ปอดหมู 2 พวง

5. หนังหมุ ½ กิโลกรัม

6. เต้าหู้ทอด 2 พวง

7. หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น

8. พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด

9. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ

10. ไข่ต้ม 20 ฟอง

ขั้นตอนในการทำก๋วยจั๊บน้ำข้นแบบโบราณ

1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๊วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุป จนกระทั้งเส้นนิ่มได้ที่

2. แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้

3. จากนั้นหันมาทำน้ำได้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครูพอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู

4. จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊ป ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป

5. เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน

ปล. เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อย แล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ได้ก๊วยจั๊บรสเด็ดแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565

5 สูตรหมักหมูกระทะ สุกี้ จิ้มจุ่ม หมูนุ่มมาก อร่อยจนย่างไม่ทัน

 


แจก 5 สูตรหมักหมูกระทะ สุกี้ จิ้มจุ่ม หมูนุ่มมาก อร่อยจนย่างไม่ทัน

อาหารแห่งชาติ หิวเมื่อไหร่ก็ร้องขอแต่ หมูกระทะ เมนูที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อถึงเทศกาลวันหยุดยาว หมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง อร่อยและอิ่มนาน

หากคุณเป็นคนชอบกินหมูกระทะบ่อยๆ ไปถึงก็กินแต่เนื้อหมูโดยไม่สนใจอย่างอื่น แนะนำให้ซื้อกระทะมาไว้ที่บ้าน เพราะเรามีสูตรหมักหมูกระทะกับน้ำจิ้มรสเด็ด อยากกินวันไหนก็แค่ตั้งเตา หมักหมูเองกินที่บ้าน ฟินไปทั้งครอบครัว

1 สูตรงา

วัตถุดิบ

เนื้อหมู/เนื้อไก่/เนื้อวัว อย่างละ 2 กิโลกรัม

ผงฟู 1 ซอง

ไข่ไก่ (เนื้อเยอะใช้ไข่ประมาณ 5 ฟอง เนื้อน้อยใช้แค่ 3 ฟองก็ได้)

งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

ซอสภูเขาทอง 2 ช้อนโต๊ะ

ผงชูรส นิดหน่อย แล้วแต่ชอบ

วิธีการหมัก

แล่เนื้อสัตว์ให้เป็นชิ้นบางๆ

ใส่ผงฟู ไข่ไก่ และงาขาวลงไป

ตามด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และผงชูรส

จากนั้นใส่น้ำปลาลงไป แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 3-4 ชั่วโมง

2 สูตรนุ่ม

วัตถุดิบ

เนื้อสัตว์เนื้อแดงล้วน 0.5 กก.

แป้งข้าวโพด หรือ แป้งมัน 3 ชต.

น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนชา

น้ำมันงา หรือน้ำมันพืช,น้ำมันรำข้าว,น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวนะ จะทำให้หมูเสียรสชาติ 1 ชต.

พริกไทยป่น ตามชอบ

วิธีการหมัก

หั่นน้ำสัตว์ตามลายเส้นบางประมาณ 3-5 มิล. ไม่ควรหนาเกินนี้

คลุกเนื้อสัตว์กับ น้ำตาล เกลือ น้ำมัน และพริกไทยป่นให้เข้ากัน ทุกอย่างกะเอาตามชอบ

เติมแป้งแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าซัก 2 ชต. พอให้มันแฉะๆ

นำน้ำมันใส่ถุง หรือกล่องที่มีฝาปิด เข้าตู้เย็น หมักทิ้งไว้ 1 ชม. หรือข้ามคืนได้ยิ่งดี ความนุ่มของเนื้อสัตว์ขึ้นอยู่กะระยะเวลาในการหมักและความหนาของเนื้อสัตว์

3 สูตร คลาสสิค (หมูดั้งเดิม)

วัตถุดิบ

เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม

น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ

ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

ผงปรุงรส/ผงชูรส แล้วแต่จะใส่

น้ำมัน งา 1 ช้อนโต๊ะ

ถ้าชอบกินงา ก็ใสงาคั่วพอหอมๆหน่อยนึง

วิธีการหมัก

แล่เนื้อสัตว์ให้เป็นชิ้นบางๆ

นำเนื้อสัตว์และส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง

4 สูตรเกาหลี

วัตถุดิบ

เนื้อสัตว์ ประมาณ 300 กรัม

ซอสถั่วเหลืองเกาหลี 5 ช้อนโต๊ะ (สามารถใช้โชยุของญี่ปุ่นแทนได้ แต่ถ้าใช้ซอสถั่วเหลืองของไทยให้ผสมน้ำเปล่าไปเจือจางประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ)

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

พริกไทยป่นนิดหน่อย ประมาณครึ่งช้อนชาเท่านั้น

กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ

ขิงสับ 1 ช้อนชา

เนื้อลูกแพร์หรือเนื้อผลสาลี่สับละเอียด 2+3 ช้อนโต๊ะ (รวมเป็น 5 ช้อนโต๊ะ)

หอมหัวใหญ่สับ 2 ช้อนโต๊ะ

ไวน์ขาว/บรั่นดี/เหล้าจีน อย่างใดอย่างหนึ่ง 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่)

น้ำโซดา 1/3 ถ้วย หรือประมาณ 75 มิลลิลิตร (จริงๆ ก็ไม่จำเป็น แค่เป็นตัวช่วยให้เนื้อที่หมักนุ่มเร็วขึ้น ใช้เวลาหมักน้อยลง ซึ่งสูตรดั้งเดิมจะไม่มีตัวนี้)

วิธีการหมัก

แล่เนื้อสัตว์ให้เป็นชิ้นบางๆ

หมักเนื้อสัตว์ด้วยเนื้อลูกแพร์สับ 2 ช้อนโต๊ะ, หอมหัวใหญ่สับ 2 ช้อนโต๊ะ, ไวน์หรือเหล้า 2 ช้อนโต๊ะ แล้วทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง ขั้นตอนนี้หากอยากได้เร็วขึ้นมาหน่อยให้ใส่น้ำโซดาลงไปหมักด้วยจะใช้เวลาประมาณหมัก 30-40 นาที แต่มีข้อเสีย คือกลิ่นหอมของเครื่องหมักจะลดลง

หลังจากที่หมักเนื้อไว้ชั่วโมงนึงแล้ว ให้เอาส่วนผสมทั้งหมดที่เหลือมาผสมรวมกันจากนั้นนำไปเทผสมรวมกับเนื้อที่หนักไว้ คลุกเค้าให้เข้ากันแล้วแช่ตู้เย็นหมักทิ้งไว้อีกสามชั่วโมงหรือถ้าไม่รีบก็สามารถทิ้งไว้ข้ามคืนแล้ววันรุ่งขึ้นก็นำมาทำอาหารได้ จะเอาไปปิ้ง ย่าง หรือผัดเป็นบุลโกกิได้เลยโดยแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มแล้ว คนไทยอาจจะเติมเกลือหรือน้ำตาลทรายเพิ่มอีกนึดหน่อยเพื่อปรับรสตามชอบ

5 สูตรบาร์บีคิว

วัตถุดิบ

หมู 1/2 กิโลกรัม

เกลือป่น 1 ช้อนชา

พริกไทยดำป่น 1 1 /2 ช้อนชา

วูสเตอร์ซอส 3 ช้อนโต๊ะ

ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ

มัสตาร์ดผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

เนย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

ซอสมะเขือเทศ 1 1 /2 ช้อนโต๊ะ

น้ำซุป 1/2 ถ้วย

สับปะรดหั่น 1 ถ้วย

วิธีหมัก

แล่เนื้อสัตว์ให้เป็นชิ้นบางๆ

นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้ารวมกัน หมักประมาณ 3-5 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ "@-ENYA คุณ "Mitsuaki" 

ขนมเข่งมะพร้าวอ่อน สูตรนี้แป้งนิ่มนานข้ามวัน หอมใบเตย

 


วิธีทำขนมเข่งมะพร้าวอ่อน สูตรนี้แป้งนิ่มนานข้ามวัน หอมใบเตย

วันนี้จะมาชวนทำขนมเข่ง แต่จะไม่เหมือนขนมเข่งทั่วไปที่ปกติจะมีแต่แป้งหรือบางที่จะทำเป็นใส้เค็มซึ่งมันธรรมดาเกินไป จะหาสูตรมาฝากเพื่อนๆทั้งทีต้องไม่ธรรมดา

โดยสูตรนี้จะใส่มะพร้าวอ่อนลงไปด้วย และตัวขนมจะมีความหอมของกลิ่นใบเตย พร้อมเทคนิคที่จะให้ทำให้ตัวขนมนั้นนิ่มนานข้ามคืนเลยทีเดียว เอามาทานอีกวันก็ยังอร่อยเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ๆ ฟังมากยืดยาวเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปเข้าครัวลงมือกันเลยดีกว่าค่ะ

ขั้นตอ นกา รทำขน มเข่ งใ บเต ยม ะพร้ าวอ่ อน แป้งเหนียวนิ่มนานข้ามคืน ทำไม่ยาก

สวัสดีค่ะวันนี้เรามีสูตรขน มเข่ งใ บเต ยม ะพร้ าวอ่ อนพร้อมขั้นตอ นกา รทำขน มเข่ งง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ไม่ยุ่งยากซึ่งขน มเข่ งใ บเต ยม ะพร้ าวอ่ อนนี้จะให้กลิ่นที่หอม มีรส หวาน มัน อร่อยเลยค่ะ

ส่วนผสม

1.แป้งข้าวเหนียว 1+1/2 ถ้วยตวง

2.แป้ งข้าวเ จ้า 1/2 ถ้วยตวง

3.เกลือ 1/2 ข้อนชา

4.ใ บเต ย 10 ใบ

5.น้ำมะพร้าว 350 ml

6.น้ำมันถั่วเหลือง 1 ช้อนชา

7.เนื้อม ะพร้ าวอ่ อนขูด 1/2 ลูก

8.น้ำตาลทราย 100-150 กรัม

ขั้นตอ นกา รทำ

1.ร่อนแป้ง-เกลือให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลลงไปคนให้เข้ากัน ทยอยใส่น้ำใ บเต ยทีละน้อยลงไปน วดแป้งน วดจนเนียนได้ที่

2.คลายแป้งด้วยน้ำใ บเต ยที่เหลือทยอยใส่น วดให้ทุดอย่างละลายเข้ากันดี กรองด้วยผ้าขาวบาง2ชั้น

3.ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไปขยำให้เข้ากันพักไว้

4.นำพิมพ์มาเช็ดทำความสะอาด ทาด้วยน้ำมันให้ทั่วเรียงใส่ในซึ่ง

5. คนแป้งก่อนหยอดลงพิมพ์ทุกครั้งพอเรียบร้อย

6.นำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 10-15 นาทีพอสุกพักให้เย็นแป้งจะเซ็ดตัวแกะง่ายเปนอันเรียบร้อย

เท่านี้เราก็จะได้ขน มเข่ งสุดแสนอร่อย เอาไว้ทานกันในครอบครัวหรือใครที่จะสนใจทำขายสร้างอาชีพ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย

ผัดมะเขือยาวเต้าเจี้ยว (สูตรรุ่นคุณย่าคุณยาย) ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มะเขือไม่ดำน่าทาน

 


วิธีทำผัดมะเขือยาวเต้าเจี้ยว (สูตรรุ่นคุณย่าคุณยาย) ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มะเขือไม่ดำน่าทาน

ผั ด ม ะ เ ขื อ ย า วให้สีเขียวน่าทาน ทำตามนี้รับรองมะเขือไม่ดำแน่นอน! พร้อมสูตรมะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวน่าทานสุดๆ

สวัสดีกันอีกครั้งวันนี้เรามีเทคนิคและสูตรการทำมะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวใส่หมูสับมาฝากกัน หลายคนคงจะเคยทำเมนูทานกันเองที่บ้านแล้วผลที่ออกมานั้น มะเขือค่อนข้างจะเละและมีสีออกดำคล้ำ ทำให้ไม่น่าทานเท่าไหร่ วันนี้เราเลยหาสูตรที่ลองทำดูแล้วเห็นว่าได้ผล โดยเป็นสูตรของคุณหลงรักครัวยังไงเพื่อนๆก็ไปลองทำกันเลยค่ะ

ผั ด ม ะ เ ขื อ ย า ว ผัดอย่างไรไม่ให้ดำ สีเขียวน่าทาน วันนี้ ลูกหมี เอาเคล็ดลับดีๆจากคุณ หลงรั กค รัว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมมาฝากกันค่ะ รับรองว่าผั ด ม ะ เ ขื อ ย า วจานโปรดของคุณสีเขียวน่าทานสุดๆไปเลย แค่ทำตามเคล้ดลับง่ายๆที่นำมาฝากนี้ รับรองมะเขือไม่ดำอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย

เคล็ดลับผั ด ม ะ เ ขื อ ย า วให้สีเขียวสวย น่าทาน (ผั ด ม ะ เ ขื อ ย า วเต้าเจี้ยวหมูสับ)

ขั้นตอนแรกหั่นมะเขื อยาวตามชอบ ชอบแบบแว่น หรือชอบตามยาว ก็ได้ค่ะ

เสร็ จแล้ว ให้แช่มะเขือยาวลงในน้ำ ใส่เกลือป่นประมาณ1ช้อน เกลือจะช่วยให้สีมะเขือ ไม่ดำคล้ำ ขั้นตอนนี้สำคัญเลย

หลังจากที่แช่ทิ้งไว้ผ่านไป15นาที สังเกตสีเม็ดมะเขือเข้มขึ้นเล็กน้อย ตัวมะเขือยังคงสีเขียว

มาถึงเค ล็ดลับก่อนจะผัด ให้นำมะเขือยาวลงไปทอดก่อนค่ะ จะได้มะเขือยาวที่มีสีเขียวน่าทาน

วิธีนี้ได้ มาจาก “ครัวบ้านพิ ม”ค่ะ ขอบคุณเจ้ าของเครดิ ตด้วยนะคะ

แต่สูตรนี้เพิ่มขั้นตอนนิดหน่อย โดยคลุกแป้งทอดกรอบก่อนทอดด้วยเล็กน้อย

4. จากนั้นตั้งกะทะ พอน้ำมันร้อน ก็ลงมือทอดได้เลยค่ะ แค่พอสุกนะคะ ระวังจะเละ เพราะเราต้องเผื่อไว้ตอนผัดด้วยค่ะ

5. ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

6. ตำพริกกับกระเทียม ใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดจนหอม

7. ตามด้วยหมูสามชั้น ผัดพอสุก ตามด้วยหมูสับ ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย เต้าเจียว (เต้าเจียว อย่าหนักมือมากนะคะ เดี๋ยวจะเค็ม)

8. ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตามด้วยมะเขือยาวที่ทอดไว้แล้ว และ ใบโหระพาเด็ดแล้ว

ขั้นตอนนี้ให้ใช้ไฟแรงนะคะ ผัดสัก 2-3 ที ให้ใบโหระพา พอสลด ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ 

เสร็จแล้วค่ะ น่าทานไหมคะ ใครชอบทานมะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยว ลองทำตามสูตรด้านบนนี้ดูนะคะ รับรองถูกใจแน่นอน ว่าแล้วเย็นนี้ไปตลาดซื้อมะเขือยาวมาทำเมนูผั ด ม ะ เ ขื อ ย า วเต้าเจี้ยวทานกันดีกว่า 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับสูตรและวิธีการผัดมะเขือยาวให้ออกมาน่าทานสีเขียวสดใสไม่ดำ ซึ่งเป็นเทคนิคที่หลายๆก็ยังไม่เคยรู้กันมาก่อน ยังไงก็ลองเอาไปทำทานกันดูนะค่ะรับรองว่าจะต้องติดใจแน่ๆกับสูตรนี้อย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพลแะสูตรจากคุณ หลงรักครัว https://pantip.com/topic/36322561

สูตรนี้หมักไม่นานปิ้งได้เลย ทำขายตอนเช้าๆคู่กับกับข้าวเหนียวร้อนๆ กำไรดีมาก

 


สูตรนี้ทำขายตอนเช้าๆคู่กับกับข้าวเหนียวร้อนๆ กำไรดีมาก หมักไม่นานปิ้งได้เลย 

อาชี พขายห มูปิ้ ง เป็นอีกหนึ่งเมนูสร้างอาชี พสร้างรายได้ ครั้นจะขายห มูปิ้ งปลาร้าก็มีคนทำขายเยอะแล้ว ลองมาขายห มูปิ้ งกะทิสดกันดีไหม

วันนี้เราขอนำเสนอวิธีทำห มูปิ้ งกะทิสด หรือ ห มูย่างกะทิสด จับห มูหมักกับกะทิและเครื่องปรุงต่าง ๆ พอหมักครบเวลาก็เสียบไม้ จะขายห มูปิ้ งไม้ละ 5 บาทหรือไม้ละสิบบาทก็แล้วแต่สะดวก หรือถ้าไม่อยากขายปลีกก็ทำห มูปิ้ งขายส่ง แม้เหนื่อยหน่อยแต่ได้เงินก้อน ที่สำคัญต้องขายคู่กับข้าวเหนียวด้วยนะคะถึงจะครบสูต ร

เมนูเด็ดอย่างห มูปิ้ ง เป็นใครก็ไม่ปฏิเสธ เราเคยได้ยินแต่ห มูปิ้ งนมสด แต่ครั้งนี้เรามาลองเปลี่ยนจากนมสดมาเป็นกะทิกันบ้างดีกว่าค่ะ กับสูต ร ห มูปิ้ งกะทิ จะหอมนุ่ มขนาดไหน ไปลองทำดูกันเลย

ส่วนผ สม

กระเทียม 8-10 กลีบ

รากผักชี 3-4 ราก

น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย

เกลือ 1/2 ช้อนชา

ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วย

ซอสห อยนางรม 1/4 ถ้วย

น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

แป้ งมันสำปะหลัง 1 ช้อนชา

กะทิ 1 ถ้วย

สันคอห มู 1 กิโลกรัม

วิธีทำ

ตำกระเทียมกับรากผักชีให้ละเอีย ด เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วยวางพักไว้

นำกระเทียมที่ตำกับรากผักชีใส่ลงไปในถุงซิปล็อค แล้วตามด้วยน้ำมันพืช เกลือ ซีอิ๊วขาว ซอสห อยนางรม น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย กะทิ และแป้ งสำปะหลังลงไป จากนั้นก็ขยำให้ส่วนผ สมเข้ากัน

นำเนื้อห มูใส่ลงไป ปิดถุงแล้วขยำ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

จากนั้นก็นำห มูที่หมักมาเสียบไม้

ตั้งเตาย่าง นำห มูขึ้นไปย่าง พร้อมกับทาน้ำกะทิอยู่ตลอดเวลา ย่างกลับไปกลับมาจนห มูสุก แค่นี้ก็ได้ห มูปิ้ งกะทิมากินกับข้าวเหนียวร้อนๆ แล้วค่ะ

แบ่งปันสูตรกระเพาะปลาน้ำแดง สูตรนี้เข้มข้นทำขายได้เลย ทำง่ายไม่ยุ่งยาก

 

กระเพาะปลาน้ำแดง สูตรเข้มข้นทำขาย ทำง่ายไม่ยุ่งยาก

เมนูขายดิบขายดี ไม่ว่าจะอยู่เทศกาลงานรื่นเริงที่ใดก็แล้วแต่ กระเพาะปลาน้ำแดง ยังคงเป็นเมนูที่ทุกคนนึกถึง ไม่ว่าจะงานลอยกระทง งานประจำปีจังหวัด งานวัด หรือตลาดเปิดท้าย ก็จะนั่งในซุ้มเล็กๆ ล้อมวงกินกัน วันนี้เราจะมาแจกสูตร กระเพาะปลาน้ำแดง ทำกินเองที่บ้าน ส่วนผสมดังนี้

ส่วนผสม

กระเพาะปลาแห้ง แช่น้ำแล้วลวก

หน่อไม้หั่นเส้น

อกไก่ฉีกเส้น

เลือดไก่หั่นเต๋า

ผักชีรากและใบ

เห็ดหอมแห้ง แช่น้ำแล้วลวก

ไข่นกกระทาต้มสุก

โครงไก่ 2 โครง

ซีอิ๊วขาว

เกลือป่น

พริกไทยป่น

เหล้าจีน

น้ำตาลทราย

น้ำเปล่า

ขั้นตอน

ขั้นตอนต้มน้ำซุป นำโครงไก่เลาะเอาหนังออกเราไม่ใช้หนังหนังไก่จะทำให้น้ำซุปมันค่ะเสร็จแล้วล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นนำน้ำใส่หม้อตั้งไฟพอน้ำเดือดเอารากผักชีทุบๆใส่ลงไปตามด้วยโครงไก่ใส่ลงไปตามด้วยเกลือป่นซีอิ๊วขาวตัดรสด้วยน้ำตาลทรายนิดหน่อยพอค่ะ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนค่ะน้ำจะใสถ้ามีฟองค่อยๆตักฟองทิ้งค่ะเวลาเคี่ยวประมาณ1ชม.ค่ะ พอเคี่ยวได้ที่หรี่ไฟอ่อนค่ะหรือจะปิดไฟก็ได้นะค่ะ

ขั้นตอนลวก นำกระเพาะปลาแห้งเห็ดหอมแห้งแช่น้ำแล้วลวกหั่นเส้นพักไว้หน่อไม้สดหั่นเส้นแล้วลวกทิ้งน้ำ2น้ำอกไก่ลวกฉีกเส้นพักไว้ไข่นกกระทาต้มสุกปอกเปลือกพักไว้เลือดไก่หั่นเต๋าไม่เล็กหรือใหญ่ไป ต้มแล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้ทุกอย่างคือต้มสุกหั่นเส้นพักไว้ยกเว้นกระเพาะปลาหั่นใหญ่หน่อยค่ะ

ขั้นตอนการปรุง นำน้ำซุปที่เตรียมไว้เปิดไฟกลางพอน้ำซุปเริ่มเดือดใส่เห็ดหอมหน่อไม้ตามด้วยกระเพาะปลาและเลือดไก่อกไก่ฉีกไข่นกกระทาต้มปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเกลือป่นน้ำตาลทรายเหล้ าจีนชิมรสตามชอบจากนั้นนำแป้งมันฮ่องกงละลายน้ำใส่ลงไปคนให้เข้ากันโรยผักชีพริกไทยขาวป่นเป็นอันเสร็จ

เครื่องปรุง น้ำตาลทรายน้ำปลาพริกป่นพริกดอง

สูตรลับที่ถูกเปิดโปง วิธีทำหมูแดงแสนอร่อย ทำขายยังได้เลย

 

สูตรลับที่ถูกเปิดโปง วิธีทำหมูแดงแสนอร่อย ทำขายยังได้เลย 


สิ่งที่ต้องเตรียม

1. หมูสามชั้นหั่นหนา 2 ซ.ม. 1 กิโลกรัม

2. ถาดอบพร้อมตะแกรง

3. เครื่องสำหรับหมูแดง

4. น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย

5. ผงพะโล้ 1 ช้อนชา

6. สีแดงอมส้ม 1/2 ช้อนชา

7. เกลือ 1/2 ช้อนชา

8. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำหมูแดง

1. นำเครื่องหมักหมูแดงที่เตรียมไว้ลงในถ้วยทำการผสมให้เข้ากัน

2. นำเนื้อหมูสามชั้นที่หันไว้ ลงไปหมักประมาณ 1 ชั่วโมง

3. เปิดเตาอบ ตั้งอุณหภูมิไว้ 170 C

4. จากนั้นนำเนื้อหมูที่หมักไว้ มาวางไว้บนตะแกรงในถาดอบ เอาถาดอบใส่ไว้ในช่องชั้นกลางของเตาอบ แล้วทำการอบให้เนื้อหมูแดงสุกนิ่มก่อนประมาณ 45 นาที

5. ทำการเปลี่ยนไฟเตาอบเป็นหมวด Grill ( หมวดย่าง ) เลื่อนถาดอบไปอยู่ด้านบน และทำการย่างเป็นเวลา 3 นาที เนื้อหมูจะเริ่มเกรียมนิดหน่อย จัดการกลับเนื้อหมู แล้วนำไปอบต่อ

6. จากนั้นเราก็จะได้เนื้อหมูแดงสามชั้นที่มีเนื้อติดมันและกลิ่นหอมๆ ที่พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ท้องร้องกันเลยทีเดียว หมูแดงเยิ้มๆสุดอร่อยที่แสนจะทำง่าย แล้วจะรออะไรอยู่ จัดเตรียมวัตถุดิบและทำตาทวิธีการด้านบนได้เลย จะทำไว้ทานเองในครอบครัวหรือทำเป็นอาชีพก็ยังได้ 

รู้จักถ่อมตัว ใครๆ ก็รัก… ชอบอวดเก่งนัก คนมัก เ ก ลี ย ด

 

(เรื่องราวสอนใจ) รู้จักถ่อมตัว ใครๆ ก็รัก… ชอบอวดเก่งนัก คนมักเกลียด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางผืนป่าอันแสนร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ มีต้นโอ๊กใหญ่ยืนแผ่กิ่งใบอย่างสง่างาม

จนสัตว์ป่าที่ผ่านไป มาได้อาศัยพักพิง อีกทั้งสัตว์เหล่านั้นก็ชื่นชมในความแข็งแกร่งของมัน

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้นโอ๊กรู้สึกภาคภูมิใจ นานวันเข้าจากการภูมิใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความลำพองตน คิดว่าตัวเองมีอำน าจ ถึงขั้นเป็นที่พึ่งพาแก่คนอื่นได้

“เจ้าโอ๊กน้อยเอ๋ย ดูสิ ในป่าผืนนี้ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพึ่งพาเราทั้งนั้น นกน้อยก็บินมาเกาะพัก สัตว์ป่าก็อาศัยหลับนอนที่โคนต้น ข้าภูมิใจเหลือเกิน”

ต้นโอ๊กใหญ่กล่าวกับต้นโอ๊กน้อยที่ขึ้นอยู่ใกล้ ๆ

“เพราะเราเกิดมาโชคดีกว่าใครเลยตัวใหญ่จนไม่มีผู้ใดมาทำอันตร า ยได้”

โอ๊กน้อยตอบกลับ “ใช่แล้ว ในป่าแห่งนี้ ไม่มีอะไรมาทำลายเราได้แน่นอน ฮ่า ๆ”

ต้นโอ๊กใหญ่กล่าวพร้อมหัวเราะอย่ า งทะนงตน

ผ่านไปไม่กี่ปี พื้นที่ตรงนั้นเริ่มมีสายน้ำแผ่ขยายมา ทำให้ต้นอ้อที่ชอบขึ้นบริเวณชุ่มชื้นได้เติบโตขึ้น

ต้นโอ๊กใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจึงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงโอ้อ วด

“สวัสดีเจ้าต้นอ้อน้อย เจ้านี่ช่างตัวเล็กบอบบางเหลือเกินนะ สบายดีหรือไม่ล่ะ“

“สวัสดีคุณต้นโอ๊กสูงใหญ่ ฉันสบายดีและสุขใจมาก ถึงจะตัวเล็กบอบบางแต่ก็ไม่เป็นอะไร”

(ต้นอ้อกล่าวตอบต้นโอ๊กด้วยน้ำเสียงสดใสและถ่อมตน)

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อย่างนั้นหรือ ทั้งรากอันแสนสั้นกับลำต้นที่เปราะบางจนปลิวไป–มาแม้ลมพัดเบา เจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร”

(ต้นโอ๊กกล่าวด้วยความสงสัยพลางขำขันไปด้วย พร้อมหันมาพูดต่อ)

“ลองยืดรากลงดินแล้วยืดลำต้นให้สูงเท่าฟ้าแบบเราดูสิ ต่อให้มีอันตร า ยมาถึงตัวแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

(ต้นอ้อได้แต่รับฟังเงียบ ๆ ไม่โต้ตอบอะไรสักนิด)

อยู่มาวันหนึ่ง พายุลูกใหญ่ได้เคลื่อนผ่านป่าแห่งนี้ ทั้งลมและสายฝนพัดกระห น่ำ อย่างรุ น แ ร ง แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทำเอาสิ่งมีชีวิตในป่าต่างหนีหล บ ภั ยด้วยความหว า ดกลั ว เหลือแค่ต้นโอ๊กใหญ่ที่เชื่อมั่นว่าพายุจะทำอะไรตนไม่ได้

“ลมพัดแค่นี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ต้นเราใหญ่โตแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่มีทางล้มลงแน่นอน“

ด้านต้นอ้อผู้บอบบางไม่นึกหวั่นอะไรมาก เพราะตัวมันเองก็ลู่ไปตามลมได้ตลอดเวลา ไม่คิดขั ด ขื นอะไร ลมแรงแค่ไหนก็ทำอันตร า ย ต้นอ้อไม่ได้

ต้นโอ๊กใหญ่เห็นต้นอ้อเอนไปเอนมาแบบนั้นเลยหัวเราะใส่พร้อมพูดถากถาง

“โธ่ เจ้าต้นอ้อกระจิริดเอ๋ย ยอมแพ้เสี ย เถิด ลมแรงขนาดนี้เจ้าคงไม่รอ ด หรอก มัวแต่เอนไปเอนมาเสียเวลาเปล่า”

พูดไม่ทันขาดคำ ต้นโอ๊กใหญ่ก็ล้มลง รากที่ฝังอยู่ใต้ดินลึกก็โผล่มาให้เห็นด้วย

ส่วนต้นอ้อก็ยังปลิวไหวไปตามลมจนกระทั่งพา ยุ พั ดผ่านไป

อีก 2-3 วันต่อมา ชาวบ้านผ่านมาเห็นต้นโอ๊กที่ล้มลงจึงเอาเลื่อยมาตัดไม้ออกมาเพื่อเอาไว้ใช้สอยและสร้างบ้านเรือน

ทิ้งไว้เพียงพื้นที่ว่างเปล่าอันเคยมีต้นโอ๊กตั้งอยู่ ด้านต้นอ้อผู้อ่อนโยนและโอนอ่อนไปกับลมก็ยังคงยืนต้นอย่างสำราญไปอีกนานแสนนาน

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : คนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและยอมโอนอ่อนผ่อนตามสถานการณ์ ย่อมผ่านพ้นเรื่องต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี

กลับกันคนที่แข็งกระด้ า งไม่ยอมปรับตัวมักจะต้องแพ้ภั ย จนไปไม่ร อ ด เ อง

ที่มา https://chayend.com

สูตรไข่เค็มแบบดองน้ำเกลือ ไข่แดงมันเยิ้ม นำไปทอดหรือต้มก็อร่อย

 

แบ่งปันสูตรไข่เค็มแบบดองน้ำเกลือ ไข่แดงมันเยิ้ม นำไปทอดหรือต้มก็อร่อย 

วันนี้เรามีวิธีการทำไข่เค็มไว้ทานเองกันในครัวเรือนนแบบสะอาดปลอดภัยโดยเป็นสูตรจากคุณ ตนเป็นที่พึง แห่งตน เป็นการทำด้วยวิธีดองด้วยน้ำเกลือวิธีการก็ไม่ยากเลย เราสามารถเลือกได้ว่าจะนำไปทอดเป็นไข่ดาวหรือว่าต้มเป็นไข่เค็มก็ได้ พร้อมแล้วเราไปชมกันเลยค่ะ

เคยโพสต์ไปครั้งนึงนานแล้ว ซึ่งเป็นการทำครั้งแรก ก็ลองปรับสูตร ปรับความเค็มให้น้อยลงๆจะทำยังไง ให้สวยด้วย อร่อยด้วย เพราะปกติ ไข่เค็มที่สีสวยจะเค็ม(มาก)หรือถ้าไม่เค็มก็สีไม่สวย(ไม่แดง)ไข่เค็มที่ทำขายส่วนมากจึงเค็ม เพราะสีสวย เพื่อจูงใจให้ซื้อ วันนี้เอาสูตรนี้มาฝาก รสชาติดี สีสวยค่ะ

วัตถุดิบสำหรับการทำไข่เค็ม

ไข่เป็ดเบอร์ใหญ่ 20 ฟอง

น้ำเปล่า 1 โล

เกลือเม็ด 1.5 ขีด(หนึ่งขีดครึ่ง)

เหล้าขาว 40 ดีกรี 1 ช้อนกินข้าว

สารส้มป่น 1 ชัอนกินข้าวพูนๆ

วิธีทำ

ไข่เป็ดล้างสอาด แล้วผึ่งให้แห้ง(ควรล้างและทำในวันเดียวกัน)ผสมน้ำกับเกลือเข้าด้วยกัน ตั้งไฟต้มให้เดือดเกลือละลาย แล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็นสนิท(ถ้าไม่เย็นไข่จะเสีย)ถ้าน้ำเกลือมีตะกอน ให้รินเอาแต่ใสๆ ใส่เหล้ าขาวลงไป คนให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้สัก 1 ช.ม เพื่อให้หมดกลิ่นเหล้า

เตรียมไข่ใส่ในโหลที่จะดอง เทน้ำเกลือใส่ให้ท่วมไข่ เอาถุงพาสติก(ถุงแกง)ใส่น้ำครึ่งๆถุง แล้วบีบไล่ลมออกให้ถุงฟีบๆแบน ใช้ยางรัดปากถุงให้แน่น กันน้ำรั่วออกมา(ถ้าน้ำรั่วออกมาไข่จะเสีย)เอาถุงน้ำวางทับไว้บนไข่ เพื่อให้ไข่จมอยู่ในน้ำเกลือ เพราะถ้าไข่ไม่จมน้ำเกลือ ไข่ก็จะเสียได้เช่นกัน เสร็จแล้วปิดฝาโหลให้เรียบร้อย เขียนวันที่ไว้ด้วยก็ดีกันลืม

เมื่อดองได้ 2-3 วันทอดเป็นไข่ดาวได้ รสชาติดี ไข่ขาวกินได้เค็มนิดเดียว(แค่กร่อยๆ)ไข่แดงเป็นยางมะตูม มันอร่อยมากค่ะ

เมื่อดองได้ 20 วันต้มเป็นไข่เค็มกำลังดี หรือจะลองต้มที่ 18 วันก่อนก็ดี เพราะจะได้ชิมดูว่าชอบหรือยัง แต่ไม่ควรเกิน 22 วันเพราะจะเค็มเกิน

เมื่อได้ความเค็มตามที่ชอบแล้ว ให้ล้างน้ำแล้วซับหรือผึ่งให้แห้ง ใส่กล่องเก็บในตู้เย็น(เย็นธรรมดา)เมื่อจะกินค่อยต้ม ทำแบบเดียวกัน ทั้งไข่เค็มและไข่ดาว 

เคล็ดลับวิธีต้มไข่เค็ม(ให้ออกมาสวย) 


เอาไข่ใส่หม้อ เติมน้ำให้ท่วมไข่ ใส่สารส้มลงไป ต้มไฟอ่อนๆจนเดือด(ไม่ควรต้มด้วยไฟแรง เพราะไข่อาจร้าว หรือแตกระหว่างต้ม น้ำจะเข้าไปในไข่ ไม่อร่อยค่ะ)จากน้ำเดือดแล้ว ต้มต่ออีก 20 นาทีแล้วตักไข่ออกทันที วางทิ้งไว้ให้เย็นเองโดยไม่ต้องแช่น้ำ เมื่อไข่เย็นลง จะเห็นเป็นนวลขาวๆที่เปลือกไข่ เป็นผลมาจากสารส้มที่ใส่ลงไป อีกทั้งสารส้มยังช่วยให้ไข่เค็มเก็บได้นานขึ้นด้วยค่ะ(สารส้มอาจใส่เพิ่มเป็น 2-3 ช้อนก็ได้ จะทำให้สีของไข่ขาวนวลมากขึ้น)

เกลือควรเป็นเกลือเม็ด เพราะในน้ำหนักที่เท่ากัน เกลือเม็ดจะเค็มมากกว่าเกลือป่น(เกลือป่นแบบถุงธรรมดา ส่วนเกลือไอโอดีนไม่เกี่ยวนะคะ ยังไม่เคยทดลองใช้ค่ะ

  

ไข่เค็มที่ทำ สีจะสวย หรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับไข่ที่นำมาทำด้วยค่ะ ควรใช้ไข่เป็ดท้องนา เป็ดไล่ทุ่ง หรือเป็ดที่เลี้ยงแบบบ้านๆ เคยซื้อไข่จากตลาดมาทำแล้วสีไม่แดงค่ะ แต่รสชาติใช้ได้เหมือนกันค่ะ ลองทำกันดูนะคะ

เป็นยังไงกันบ้างค่ะสำหรับวิธีการทำไข่เค็มสูตรของคุณตนเป็นที่พึง แห่งตน น่าทานมากๆเลย แถมยังมีเคล็ดลับต่างๆมาบอกอีกด้วย ยังไงเพื่อนๆก็ลองไปทำทานกันนะค่ะ รับรองว่าอร่อย สะอาด กว่าไข่เค็มที่เราไปซื้อมาทานอย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพและสูตรจากคุณ ตนเป็นที่พึง แห่งตน

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2565

สูตรการทำข้าวจี่ทาไข่ให้อร่อยกลมกล่อม หอมนุ่มและไม่แข็ง

 


วิธีทำข้าวจี่ทาไข่ให้อร่อยกลมกล่อม หอมนุ่มและไม่แข็ง เมนูอาหารอีสานทำกินง่ายๆได้ที่บ้าน

ข้าวจี่ ถือเป็นเมนูยอดนิยม โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวจะจี่ข้าวผิงไฟกัน แต่ว่าในทุחวันนี้ข้าวจี่มีหลาחหลายแบบมาח และนิยນทานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าภาคไหนก็รู้จักและมัחจะหาทานกันทั้งนั้น เป็นเນนูอาหารแบบง่าย ๆ ที่หลายคนสะดวחทานแถมยังอิ่มท้องอีחด้วย

วันนี้เลยจะมาแนะนำสูตรทำข้าวจี่ให้อร่อย นุ่ม חลมกล่อมทำขายได้ เผื่อใครอยาחจะหารายได้เพิ่มด้วยחารขายข้าวจี่มา อ่ า น กันเลย

ส่ ว น ผสมในการทำ

1 เחลือ ½ ช้อนชา

2 ไข่ไก่ 2 ฟ อ ง

3 กะทิ ½ ถ้ ว ย

4 ข้ า วเ ห นี ย  ว นึ่ง 500 กรัม

ขั้นตอนการทำ

1 เอากะทิผสมเחลือแล้วคนให้เข้ากันจนเกลือละลาย เสร็จแล้วเทลงชามข้าวเหนียวนึ่งสุกที่เตรียมไว้ นวด ๆ ให้חะทิเข้าไปในข้าว แนะนำเททีละน้อยเพื่อไม่ให้แฉะจนเกินไปนะ

2 ทำחารปั้นข้าวเหนียวที่ผสมกะทิเสร็จแล้วให้เป็นแผ่น ๆ หนาหน่อยสัก 1 นิ้ว เสียบไม้หรือไม่ต้องเสียบก็ได้

3 นำไข่มาตีปรุงรสเล็กน้อย ตี ๆ ๆ ให้เรียบร้อย

4 เ อ า ข้าวเหนียวที่ปั่นเสร็จแล้วมาย่างบนไฟอ่อน ๆ พอข้าวเริ่มเหลืองก็นำมาชุปในชาນไข่จากนั้นก็กลับไปย่างอีกครั้ง พอสุกก็ทานได้เลย

חารทำข้าวจี่สูตรประ ยุ ก ต์

เป็นอีחสูตรที่อยาחจะให้ทำกัน จะทาน หรือขายก็ได้ แถ ม ยั ง อร่อยไม่แพ้สูตรอื่นเลย โดยมีส่วนผสນในการทำคือ

1 ข้ า ว เหนียวนึ่งสุח ร้ อ น ๆ

2 ไข่

3.เח ลื อ หรือ ซีอิ้วขาว

4 น้ำ มั น พื ช

ขั้นตอนחารทำ

1. นำ ข้ า ว เหนียวร้อน ๆ มาเตรียນไว้ หาחใช้ข้าวเก่าก็ต้องอุ่นเสียก่อนข้าวจะได้นุ่ม

2. เอาไข่มาตี ส่วนปริมาณนั้นחะเอาจากจำนวนข้าวเหนียวที่จะทำเลย อย่าลืมปรุงรสไข่ด้วยเחลือ

3. ปั้นข้าวเหนียวให้เป็นแผ่นหนา ๆ หรือจะหาพิมพ์חดขนมมาทำเป็นรูปต่าง ๆ ก็น่ารักดีนะ

4. นำחระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย รอให้ร้อนก็เอาข้าวเหนียวชุปไข่ที่ตีไว้นำไปจี่ในกระทะได้เลย ด้านละ 3 นาที ไฟอ่อน ๆ พอข้าวเหลือง สุก หอม ก็พลิก กลับอีกด้านจี่เหมือนกันพอสุกครบ 2 ด้าน ก็เป็นอันเสร็จพร้อมทานแล้ว

ข้ า ว จี่ นั้นประยุกต์ทำได้หลายสูตรตามความชอบเลย ส่ ว น  ที่เราได้มาแบ่งปันนั้นเป็นการทำแบบง่าย ๆ ที่นิยมทำขายกัน และคนก็นิยมทานกันด้วยราคาขายไม่แพง 5 – 10 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของข้าวจี่ด้วย

ใครที่สนใจอยาחจะทำขายก็ลองทดส อ บ ทำทานเองก่อนได้ หากอร่อยและฝีมือรสชาติคงตัวเมื่อไหร่ก็หาที่หาทางเปิดร้านขาย ไ ด้ เ ล ย

วิธีทำข้าวผัดง่ายๆ ให้อร่อย หอมกลิ่นคั่วกระทะ น่าทาน

 

วิธีทำข้าวผัดง่ายๆ ให้อร่อย หอมกลิ่นคั่วกระทะ น่าทาน

เมนูข้าวผัดง่ายๆ ที่ใครหลายๆคนก็บอกว่าทำง่ายแต่ทำยังไงก็ไม่อร่อยเหมือนไปซื้อเขามา ทั้งๆที่ไปแอบดูเค้าผัดก็แล้ว ดูสูตรที่ต่างๆก็แล้ว ก็ไม่อร่อยเหมือนไปซื้อที่ร้าน

ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรเด็เคล็ดลับผัดข้าวผัดให้หอม อร่อย เหมือนร้านดัง รับรองว่าผลออกมาไม่เหมือนที่เคยๆทำกันแน่นอน จะมีสูตรยังไงตามไปดูกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆที่ต้องเตรียม

1 ข้าวค้างคืน 1 ถ้วย

2 ไข่เป็ด 2 ฟอง

3 เกลือป่น, พริกไ ท ยป่นปลายช้อนชา

4 น้ำปลา

5 น้ำตาลทรายแดงครึ่งช้อนโต๊ะ

6 เนื้อปู 2 ช้อนโต๊ะหรือมากกว่านี้ก็ได้ ตามใจชอบ (แนะนำใช้เนื้อปูต้มสดๆกลิ่นจะหอมมาก)

7 ต้นหอม, หอมใหญ่ซอย 1 ช้อนโต๊ะ

8 เนยสดและน้ำมันพืช

วิธีการทำก็ง่ายๆเลย

1 เริ่มต้นด้วยการนำกระทะตั้งไฟ จากนั้นเทน้ำมันใส่ลงไปพร้อมกับเนยก้อนเล็ก เพื่อให้ได้กลิ่นของความหอม ตามด้วยใส่หอมใหญ่ลงไปผัด ผัดไปเรื่อยๆจนได้กลิ่นความหอมลดไฟลงและให้ใส่เนื้อปูหรือกุ้งตามลงไป

2 ตามด้วยการใส่ข้าวสวยที่ได้เตรียมเอาไว้ อ ย่ าลืมว่าใช้ข้าวเย็นหรือข้าวค้างคืนมาทำเท่านั้น ให้เราผัดให้เข้ากันต่อด้วยการตอกไข่ใส่ลงไปในกระทะ ยีไปเรื่อยๆ เร่งไฟและทำการปรุงรสชาติด้วย พริกไ ท ยป่น น้ำตาลทรายและน้ำปลา รสชาติแล้วแต่ชอบ จากนั้นทำการผัดข้าวให้เข้ากัน

3 จากนั้นให้เราใส่เนื้อปูเพิ่มลงไป หรือจะใส่เป็นอ ย่ า งอื่นก็ได้ที่ชอบ ตามด้วยต้นหอมซอย ผัดให้เข้ากันและชิมรสชาติอีกครั้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วง่ายๆ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย

2 เคล็ดลับของข้าวผัดจานนี้คือ

1 ไม่ใช้ข้าวสุกใหม่นำมาผัด เพราะจะทำให้เม็ดข้าวนั้นมีความแฉะเละ และไม่แนะนำใช้ข้าวหอมมะลิ

2 การหุงข้าวสำหรับเตรียมไว้ผัด อ ย่ าใส่น้ำเยอะเกินไป

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับการทำข้าวผัดเมนูที่หลายๆคนคิดว่าทำง่าย ที่จริงแล้วก็ทำง่ายนั่นแหละแต่เราแค่ไม่รู้ว่าร้านต่างๆที่เราซื้อเค้ามากิน มีเคล็ดลับอะไรกันบ้าง วันนี้เราได้นำเคล็ดลับความอร่อยของการผัดข้าวผัดให้เหมือนที่ร้านมาฝากกันแล้ว ลองไปทำตามกันดูนะคะ 

นึ่งข้าวเหนียวด้วยหม้อหุงข้าว ง่ายๆ แบบไม่ต้องแช่ เหนียวนุ่มนา

 

นึ่งข้าวเหนียวด้วยหม้อหุงข้าว ง่ายๆ แบบไม่ต้องแช่ เหนียวนุ่มนาน

นอกเหนือจากข้าวสวยที่เราทานกันเป็นประจำแล้ว ข้าวเหนียวก็ได้รับความนิยมและอร่อยถูกปาก ทานง่ายเช่นกัน โดยส่วนใหญ่การนึ่งข้าวเหนียวจะต้องทำกับซึ้ง เป็นอุปกรณ์เฉพาะในการนึ่งข้าวเหนียว หรือหวดเป็นอุปกรณ์พื้นบ้าน ที่จะต้องทำกับเตาแก๊สหรือเตาถ่าน

โดยส่วนใหญ่จะต้องทำเมื่ออยู่บ้าน มีพื้นที่ครัวจะได้ประกอบอาหารได้ง่าย แต่สำหรับหลายคนที่พักอาศัยอยู่หอ หรือคอนโดที่อาจไม่สะดวกนัก แต่ก็สามารถนึ่งข้าวเหนียวได้แค่เพียงมีหม้อหุงข้าวเท่านั้น ก็สามารถทำข้าวเหนียวที่นุ่ม หอมอร่อยได้ง่าย 

โดยมีวิธีดังนี้...

วิธีที่ 1

นำข้าวส า รที่จะหุงไปล้าง 2-3 ครั้ง แล้วแช่น้ำไว้ 15 นาที ก่อนจะนำไปหุงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าปกติ

ใช้ข้าวส า รประมาณ 600 กรัม หรือ 4 ถ้วยตวง ซึ่งจะทานได้ประมาณ 3-4 คน จากนั้นเมื่อครบ 15 นาที ให้เทน้ำออกแล้วนำไปหุงกับหม้อข้าวใส่น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร แล้วให้กดปุ่ม Cook เหมือนกับการหุงข้าวตามปกติ โดยหุงไปประมาณ 7 นาทีจะเริ่มเห็นว่าข้าวเริ่มขึ้นหม้อและน้ำลดลง

 

ให้หุงต่ออีก 15 นาที ข้าวจะดีดขึ้น ให้ใช้ไม้พายคนข้าวจากด้านล่างขึ้นด้านบน ทั่วทั้งหม้อ ปิดฝาต่ออีก 10-15 นาที ก็จะได้ข้าวเหนียวไว้ทานแล้ว

วิธีที่ 2

นำข้าวส า รที่จะหุงไปล้าง 2-3 ครั้ง แล้วนำไปเทใส่ตะแกรงพักไว้ รอสะเด็ดน้ำ

แล้วไปเตรียมผ้าขาวบางชุบน้ำบิดพอหมาด นำไปรองหม้อหุงข้าว

เทข้าวที่พักสะเด็ดน้ำไว้ลงในหม้อข้าวที่นำผ้าขาวบางไปวางรอง เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน แล้วใส่น้ำตาม ใช้อัตราส่วนเท่ากันแบบ 1:1

ปิดฝาแล้วหุงตามปกติ ประมาณ 15 นาทีเมื่อไฟตัดให้ใช้ทัพพีคนให้ทั่วกัน แล้วปิดฝาหม้อไว้อีก 20-30 นาทีจะได้ข้าวเหนียวอร่อย นุ่มน่าทาน

แต่ถ้าหากต้องการร่นระยะเวลา สามารถใช้น้ำร้อนแช่ข้าวเหนียวได้ประมาณ 1 ชั่ วโมง ก็จะทำให้ข้าวเหนียวออกมาน่าทานเช่นกัน แค่มีหม้อหุงข้าวก็ทำได้ง่ายๆ แล้ว

เคล็ดลับความอร่อยง่ายๆ ในการหุงข้าวเหนียวให้เมล็ดสวยได้รูป เหนียวนุ่มหอมน่าทาน แค่เพียงก่อนเริ่มหุงหากเป็นข้าวเหนียวใหม่ให้นำไปแช่น้ำก่อน 4-6 ชั่ วโมง 

แต่ถ้าหากเป็นข้าวเหนียวเก่าให้แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน จะทำให้ข้าวเหนียวเมื่อหุงออกมาเหนียวนุ่ม สวยน่าทาน

ที่มา...krustory   

กาแฟสำเร็จรูป ชงให้มีรสชาติเหมือนกาแฟสด หอมกลิ่นกาแฟคั่ว

 

กาแฟซองสำเร็จรูป ชงให้มีรสชาติเหมือนกาแฟสด หอมกลิ่นกาแฟคั่ว

กาแฟซองสำเร็จรูปที่จะมีอยู่ทั่วๆไปนั้น รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วเราสามารถที่จะชงกาแฟสำเร็จรูปให้มีรสชาติของความอร่อย Perfect เทียบเคียงกับรสชาติของกาแฟสดได้ด้วย

วันนี้เราจะมาบอกแนะนำเทคนิควิธีการชงกาแฟสำเร็จรูปแบบขั้นเทพ ที่จะเปลี่ยนรสชาติของกาแฟแบบธรรมดาให้กลายมาเป็นรสชาติกาแฟสดที่ให้ความหอมความหวานมัน มีกลิ่นหอมของกาแฟ มีสัมผัสพี่นุ่มลิ้น ทั้งยังร้อนได้นาน

1 สิ่งสำคัญเราจะเริ่มตั้งแต่กาแฟ จะต้องเก็บเอาไว้อย่างดีไม่ให้อัดแน่นและไม่ให้ชื้น เพราะมันจะทำให้ขมและมีรสชาติของความเปรี้ยวมากๆเพsาะฉะนั้uแล้วกาแฟ วิธีการเก็บนั้นควรจะต้องเก็บโดยการคว่ำปากขวดลง

2 การเตรียมอุปกรณ์คือให้เตรียมแก้วจำนวน 2 ใบ ตะเกียบ 1 อัน เตาไมโครเวฟหากใช้เป็นนม หรือน้ำร้อนถ้าใช้เป็นคอฟฟี่เมต แต่วันนี้จะเลือกใช้นมแลคตาซอย

 

3 อุ่นนมให้ร้อนๆหรือเทน้ำร้อนใส่ลงไป สามารถเลือกนมหรือน้ำร้อนได้แล้วแต่ที่เรามี

4 เทกาแฟใส่ลงไปในแก้วนมหรือแก้วน้ำร้อนปริมาณที่ต้องการ ใส่คอฟฟี่เมต น้ำตาลทรายและทำการชงด้วยตะเกียบ ชงประมาณ 100 ครั้ง โดยไม่ให้ชงแบบทวนเข็มหรือตามเข็ม แต่ให้เป็นการชงแบบสโตรคซ้ำที่เดิมคล้ายๆเวลาตีไข่

 

5 คนไปเรื่อยๆจะขึ้นเป็นฟอง มีคนถามเข้ามาว่าจะต้องใช้เป็นตะเกียบหรือจะใช้เป็นช้อนได้ไหม พย าย ามทำดูทั้ง 2 แบบและพบได้ว่าการใช้ตะเกียบคนจะดี กว่า เพราะจะต้องมีการชงด้วยความถี่ที่สูงมาก ชงสักครู่เดียวก็จะได้ แต่ถ้าใช้ของแบบแบนๆเช่นช้อนจะคนไม่ถนัดและจะหกกระจายได้

 

6 จากนั้นให้ทำการ ชั กแบบช้าๆแต่ไม่ต้องอลังการแบบชา ชั ก ง่ายๆก็คือให้เทจากแก้วห นึ่ งไปยังแก้วห นึ่ งที่ระยะประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นให้ยืดออก 6-10 นิ้วแล้วสลับไปมา

 

7 กาแฟที่เราได้นั้นจะมีฟองเยอะมากๆจะให้รสมันและมีกลิ่นหอมของกาแฟที่หอมมากๆ ตัวฟองนั้นจะช่วยกันไม่ให้กาแฟเย็นลงเร็ว

ถามว่าตีฟองอย่างเดียวโดยตะเกียบ หรือชักเฉยๆได้ไหม มันต่างกันการตีด้วยตะเกียบเหมาะกับตอนที่ผงกาแฟยังละลายได้ไม่ดี การชักจะช่วยให้ละลายได้ดีขึ้นจนไม่มีความรู้สึกเหมือนกินผงชอล์ค ส่วนก ารชงแบบง่ายๆ เช่นเวลาคอฟฟีเบรคที่ไม่มีเวลามาก คือ

ชงด้วยช้อนเล็กๆ หรือด้ามช้อนให้ได้ 100 ครั้ง โดยชงด้วยความถี่สูงมากๆ และไม่ใช่ชงแบบวน ถ้าเป็นถ้วยกาแฟกระดาษคุณสามารถชักได้(ดีด้วย) แต่ถ้วยกาแฟแบบก้นเตี้ยทำไม่ได้ครับหกกระจาย

ขอบคุณข้อมูลจาก : 108archeepparuay

ตับทอดกระเทียมพริกไทย ตับนุ่มๆเด้งๆไม่เหม็นคาว

สูตรการทำ ตับทอดกระเทียมพริกไทย ตับนุ่มๆเด้งๆไม่เหม็นคาว

ถึงแม้ว่าไม่ใช่คนที่ชอบกินเครื่องใน แต่หนึ่งในนั้นที่กินได้คือตับหมู ตับหวานๆ สดๆ ทำอะไรก็อร่อย ทีเด็ดของตับต้องเอามาทำ ตับทอดกระเทียมพริกไทย ผัดลวกๆ ให้พอสุก ใส่กระเทียมสับและพริกไทยลงไป เตรียมน้ำปลาพริกนิดหน่อย ความฟินมื้อนี้ไม่หนีหายไปไหนแน่นอน

ส่วนผสม สำหรับ 2 ที่

1 ตับหมู 2 ขีด

2 กระเทียมสับ 1 หัว

3 พริกไทย 2 ช้อนชา

4 น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

5 ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ

6 น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

7 น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

1 หั่นตับหมูหนาประมาณ 1 ซม.

2 ใส่กระเทียมสับ พริกไทย น้ำมันหอย ซอสถั่วเหลือง และน้ำตาล หมักไว้และแช่ตู้เย็นประมาณครึ่งชั่วโมง

3 ตั้งกระทะให้น้ำมันร้อน นำตับที่หมักไว้ลงทอดด้วยไฟแรงประมาณ 3 นาที ดูให้ผิวนอกสุกเสมอกัน (อย่าทอดนานให้ตับสุกมากจะไม่นุ่มเด้ง😁)

4 นำขึ้นใส่จาน ทานคู่กับผักสดตามใจชอบ

สูตรโดย Aoey Apichatanond 

สูตรยำขนมจีนปลาทู ทำเองได้ง่ายๆ

 

เมนูสุดแสนอร่อย "ยำขนมจีน" อาหารเป็นบ้านๆ ที่มีรสจัดจ้านและราคาถูก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ทำให้ยำขนมจีนกลายเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆ คน ที่ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนเป็นต้องสั่งกินทุกที ดังนั้น วันนี้ GangBeauty จะมาแนะนำวิธีทำ "ยำขนมจีน" สูตรเด็ดสุดแซ่บ จากสมาชิกหมายเลข 2363022 เว็บไซต์พันทิพย์ดอทคอม ให้เพื่อนลองทำดูในวันหยุด จะอร่อยนัวร์ขนาดไหน ตามมาดูกันเลย

สิ่งที่เราต้องเตรียมได้แก่?

1. ขนมจีน

2. ปลาทูนึ่ง (นำไปทอดให้สุก)

3. ผักต่างๆ เช่น ต้นหอมซอย พริกแดงซอย ถั่วฝักยาวซอย

4. ส่วนผสมต่างๆ ได้แก่ มะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และพริกป่น

5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำปลาร้าต้มสุกนั่นเอง

น้ำลายสอกันแล้ว ไปลงมือทำโลด

1.เทน้ำปลาร้าต้มสุกลงในถ้วย แล้วใส่น้ำตาลปี๊บตามลงไปคนให้ละลาย

2.นำพริกป่นเทลงไป

3.ตามด้วยมะนาว

4.เทผักต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ลงไปโลด จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสได้ตามใจชอบ

5.จากนั้นใส่ขนมจีนลงไป แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

6.สุดท้ายแล้วฉีกปลาทูให้เป็นชิ้นๆ ตามภาพ แล้วนำไปใส่ในขนมจีน คลุกเคล้าให้เข้ากันแค่นี้ก็เสร็จ

มาแล้วๆ ยำขนมจีนปลาทู แซ่บๆ อยากกินกันใช่ไหมละ

อื้อหือออออ มันใช่เลย เห็นแล้วน้ำลายสอ

เห็นหรือยังละว่าเมนูนี้ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่นำส่วนผสมมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้เราก็จะได้ทานอาหารแซ่บๆ กันแล้ว วันหยุดนี้ เพื่อนๆ ลองไปทำดูนะคะ รับรองทำตามสูตรนี้ อร่อยแซ่บ ไม่แพ้ไปซื้อกินที่ไหนแน่นอนจ้า

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...