ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ก๋วยจั๊บน้ำข้น สูตรอร่อยเด็ด

สำหรับเมนูอาหารวันนี้ครัว zabwer.com ขอแนะนำ "ก๋วยจั๊บน้ำข้น" อีกเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยเด็ดและได้คุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนในจานเดียว เอกลักษณ์ของก๊วยจั๊บน้ำข้นนั้นอยู่ที่เครื่องมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมูกรอบ ไส้หมู ตับหมู ปอดหมู เต้าหู้ทอด ไข่ต้ม ปอด และหนังหมู และก๋วยจั๊บก็เป็นเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นปรุงรสอีกนิดหน่อยหรือแทบไม่ต้องปรุงเลย จึงทำให้ถูกปากถูกใจได้ไม่ยาก ที่มีสูตรก๋วยจั๊บน้ำข้นดังนี้...


เครื่องปรุง
  1. เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม
  2. ตับหมู ½ กิโลกรัม
  3. ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม
  4. ปอดหมู 2 พวง
  5. หนังหมู ½ กิโลกรัม
  6. เต้าหู้ทอด 2 พวง
  7. หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น
  8. พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด
  9. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ
  10. ไข่ต้ม 20 ฟอง
  11. กระเทียมบุบ 6 หัว
  12. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  13. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ซ๊อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  15. ซิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้
2. จากนั้นหันมาทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยจั๊บรสเด็ดแล้ว


เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารรสเลิศ

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรอาหารไทยอีกเมนูอาหารรสเลิศที่มีรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่ใครได้ลองชิมแล้วต้องถูกปากถูกใจ ต้องหามาทานกันใหม่ จนเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์จานนี้…จริงๆแล้ว เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ ใช้เวลาทำน้อย แถมเครื่องปรุงวัตถุดิบก็ยังหาง่ายอีกต่างหาก แต่ถ้าลองเราไปสั่งทานตามร้านอาหารนอกบ้าน ก็มีราคาแพงพอสมควรเลยล่ะ วันนี้ zabwer.com เราจึงนำสูตรไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์มาฝากครับ ทั้งอร่อยรสเด็ดและทำง่ายจะต้องไปเสียเงินทานนอกบ้านทำไม หิวตอนไหนก็ลุกขึ้นเข้าครัว เสิร์ฟทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ…อร่อยจุงเบย


ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม
สันในไก่หรืออกไก่ 1 ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย (หรือแป้งทอดกรอบก็ได้…แต่อาจจะกรอบไป)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยพูน (ปริมาณเพิ่มลด ตามชอบ)
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้งหั่น 3/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่น (เป็นชิ้นยาวๆประมาณ 1 นิ้ว) 3/4 ถ้วย
เห็ดฟาง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
แห้วต้มสุกหรือแห้วกระป๋อง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)


เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเพิ่มรสได้ ตามชอบ)
น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นแฉลบให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆให้พร้อม ดังนี้
  • กระเทียบปอกปลือก ทุบ และสับหยาบ
  • นำเห็ดฟางหรือแห้วมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วถ้าเป็นเห็ดฟางก็ให้ผ่าครึ่งเตรียมไว้ ส่วนถ้าใช้แห้วก็ให้ผ่าเป็น 2 หรือ 4 ส่วน แล้วแต่ขนาด
  • ต้นหอม ตัดรากทิ้ง นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • หอมหัวใหญ่ นำมาปอกเปลือก นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดกลาง
  • ให้ต้มแห้วจนสุก (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) คือให้ต้มน้ำจนเดือดแล้วนำแห้วลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 5 นาที) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้
  • พริกแห้ง ถ้ามีขั้วเด็ดทิ้งไป แล้วหั่นพริกแห้งเป็น 2 ส่วน (เป็นท่อนสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดแตก ถ้าชอบเผ็ดพริกมากหักให้ละเอียดหน่อย)
  • เอาเครื่องปรุงรสทั้งหมดผสมรวมกันในชามหรือถ้วย เพื่อง่ายต่อการหยิบจับไม่ต้องเสียเวลาผัดไปปรุงไป (หรือบางท่านอาจจะรอปรุงขณะผัดทีเดียวก็ได้) เครื่องปรุงรสได้แก่ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย ใส่ในถ้วยแล้วคนๆผสมให้มันเข้ากันไว้ก่อน


3. เอาไก่คลุกแป้ง เริ่มจากใส่ซีอิ๊วขาวผสมลงไปบนไก่นิดหน่อย (ประมาณ 1-2 ช้อนชา) คลุกคล้าให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำเนื้อไก่ไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ (บางๆไม่ต้องหนา) จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเหลือง (ทอดให้ผิวตึงๆ ก็พอ ไม่ต้องสุกมาก เพราะเดี๋ยวเราจะเอาไปผัดอีก) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน



4. ทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยไฟอ่อนถึงไฟกลาง ทอดเล็กน้อยพอเหลือง (ระวังไหม้) จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษเพื่อซับมัน (ถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้เม็ดมะม่วงฯ ไหม้ได้ และข้างในจะไม่สุก)
  • จากนั้นก็นำพริกแห้งลงไปทอดต่อด้วยไฟอ่อน จนพริกแห้งหอม เม็ดจะพองๆ (ระวังไหม้) แล้วช้อนขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. เทน้ำมันที่ทอดของเก็บไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปนิดหน่อยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง พอน้ำมันอุ่นแล้วให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอมเหลือง ตามด้วยหอมหัวใหญ่ลงไปผัด…จนเริ่มใส แล้วเอาเครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเคี่ยวในกระทะให้งวดหน่อยๆคลุกเคล้าใหข้ากัน
6. จากนั้นใส่เนื้อไก่และพริกแห้งทอดลงไปคลุกเลย…กลิ้งไปกลิ้งมาผัด ๆ เร็ว ๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยใส่เม็ดมะม่วง ต้นหอม หรือผักอื่นๆ ตามลำดับ (ซอสจะเหือดแห้งลงและเดือด) ชิมรสชาติแล้วปรุงรสเพิ่มได้ถ้าไม่ถูกใจ รสชาติที่ปรุงได้ควรจะออกรสเค็มหวานครับ…ไม่ใช่หวานเค็ม (ถ้าน้ำเหือดแห้งมากเติมน้ำสะอาดได้ 1-3 ช้อนโต๊ะครับ) ผัดต่อให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที คลุกกเคล้าให้เข้ากัน จึงปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมเสริฟได้แล้ว

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรไม่ใส่น้ำพริกเผา 
ส่วนผสม (สูตรครัวบ้านพิมพ์)
อกไก่ 300 กรัม
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
เกลือป่นธรรมดา ¼ ช้อนชา
***เอาอกไก่ พริกไทยป่น และเกลือป่น มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10 นาที***

แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/2 ถ้วย (จะใส่มากน้อยนี้…แล้วแต่ชอบเลย)
ต้นหอม 2 ต้น
พริกขี้หนูแห้ง 5-10 เม็ด (ตามชอบ ชอบเผ็ดมากใส่มาก)
เห็ดฟางดอกตูมๆ 7 ดอกกลาง
พริกชี้ฟ้าสีแดง 2 เม็ด
กระเทียมไทย 1 หัว

เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ¼ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
***เอามาผสมลงไว้ไนถ้วยจะได้ง่ายต่อการหยิบจับ***

วิธีทำ : ก็ไม่ยากเลย ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนวิธีทำสูตรที่ 1 ได้อธิบายไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว…ลองทำตามดูนะครับ


แนะนำเพิ่มเติม
  • ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีหลายสูตร มีทั้งแบบที่นำไก่ไปทอดก่อนพอข้างนอกตึง…หรือไม่ทอดผัดเลย แบบใส่น้ำพริกเผาหรือไม่ใส่…แล้วแต่จะชอบ ถ้าใส่น้ำพริกเผาก็อย่ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไก่ผัดน้ำพริกเผาแทนไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
  • แนะนำวิธีเลือกเนื้อไก่ เลือกตามแบบที่ชอบเลยครับ ดังนี้
ถ้าชอบเนื้อแบบร่วนๆ แข็งๆ ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนหน้าอก เลาะหนังออก
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ มีมันน้อย ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนสันใน
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ แบบมีมันแทรก ให้ใช้เนื้อน่องหรือสะโพก เลาะหนังออก
  • มะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วชนิดหนึ่ง ซื้อมาแล้วถ้าอยากเก็บให้ได้นานโดยไม่หืนควรแช่ตู้เย็น


ขอบคุณข้อมูลจาก :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thaispicy&month=11-2007&date=14&group=9&gblog=24
http://pim.in.th/side-dish-by-chicken/255-spicy-chicken-with-cashew-nuts

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย

สูตรอาหารไทย ข้าวผัดหมู เมนูอาหารนี้อาจฟังดูเป็นอาหารพื้นๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะหาข้าวผัดหมูอร่อยๆถูกใจนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ปกติแล้วมักจะเจอแบบพอกินได้เท่านั้น ทั้งที่วิธีทำข้าวผัดหมูนั้นสามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลย แต่ทำไมความอร่อยและน่าทานจึงแตกต่างกัน วันนี้ครัว zabwer.com มีวิธีการทำข้าวผัดให้อร่อยมาฝาก...เคล็ดลับของข้าวผัดหมูนั้นอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปรุง ว่าจะเพิ่มเสริมรสอย่างไรให้ถูกใจผู้บริโภค และที่สำคัญข้าวผัดจะต้องแห้งหมาด รสชาติเข้มข้น สีสันสวยงาม และสิ่งหนึ่งที่ชวนให้รับประทานนั้น ได้มาจากผักและเครื่องปรุงที่เสริมลงไป นอกจากแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้วยังให้รสชาติเลิศถูกอดถูกใจได้ไม่ยากอีกด้วย


เครื่องปรุง
  1. ข้าวสวย (ไม่แฉะ) ¾ ถ้วยตวง
  2. หมูสับ 50 กรัม
  3. หมูแฮมหั่นเป็นเส้นฝอย 1 แผ่น
  4. หมูยอหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมสับ 8 กลีบ
  6. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
  7. มะเขือเทศผ่าตามยาว 1 ลูก
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  10. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  12. ซอสปรุงรสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
  13. มะนาว 1 ซีก
  14. แตงกวา ต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น
(ถ้าบางอย่างไม่มีไม่เป็นไรครับ ใส่อย่างอื่นแทนได้ หรือถ้ามีแค่ข้าวกะไข่ ก็พอกล้อมแกล้มได้เหมือนกัน)

วิธีทำ
1. เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลือง
2. จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัดพอสุกตามด้วยหมูแฮมและหมูยอลงไปผัด
3. เสร็จแล้วใส่ข้าวสวยลงผัดให้ส่วนผสมเข้ากันจึงใส่แครอทและมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาวผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นใช้ตะหลิวดันข้าวผัดขึ้นไปอยู่ข้างๆกระทะ เว้นที่ก้นกระทะไว้ตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวตีไข่ให้แตก จากนั้นตักข้าวที่อยู่ข้างกระทะกลบทับไข่ไว้ รอจนไข่สุกแล้วจึงช้อนกลับให้ไข่อยู่ด้านบน ใส่น้ำมันหอยลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน จัดเรียงแตงกวาและมะนาวไว้ข้างๆจานเสิร์ฟได้ทันที

เคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดให้อร่อย
  • สิ่งสำคัญ ข้าวสวยที่ใช้ผัดต้องไม่แฉะ นอกจากนี้ เมื่อข้าวสุกใหม่ร้อนๆ ควรเกลี่ยใส่ถาด ให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัด ข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน 
  • น้ำมันไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้แฉะและเลี่ยน ไม่น่ากิน 
  • ต้องใช้ไฟกลางในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์ผัดจนสุกก่อน จึงใส่ข้าวผัดให้ทั่ว ถ้าข้าวผัดชนิดใดมีส่วนผสมของไข่ต้องใส่ไข่ทีหลังข้าวพอผัดข้าวจนทั่วเกลี่ยข้าวไว้อีกด้าน หนึ่งต่อยไข่ใส่กลบข้าวบนไข่พอสุกจึงค่อยผัดไข่ ในขั้นตอนนี้ต้องผัดเร็วๆ ไข่จะเกาะเม็ดข้าวดี และไม่แฉะ เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ในกรณีที่เป็นข้าวผัดที่นำน้ำพริกมาประยุกต์ คลุกน้ำพริกกับข้าวให้ทั่วก่อน จึงค่อยผัดทีหลังจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี 
  • “กระทะ” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ “ตะหลิว” ก็เช่นกันต้องเลือกด้ามที่ติดแน่น ทนความร้อน
  • พวกผักต่างๆนั้น ควรหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือชิ้นเล็กๆ จะช่วยทำให้ข้าวผัดอร่อยกว่าใส่ชิ้นใหญ่ เช่น หอมใหญ่ คะน้า แครอท มะเขือเทศ ต้มหอม หั่นชิ้นเล็ก

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

สูตรปลากระพงนึ่งมะนาว อร่อยแซ่บเวอร์ จานนี้ต้องลอง

สูตรอาหารไทย ปลากระพงนึ่งมะนาว แรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านภาคกลาง ปัจจุบันกลายเป็นเมนูอาหารไทยยอดฮิตที่แทบทุกร้านอาหารต้องมี อีกหนึ่งเมนูที่มักจะสั่งทานเสมอเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน สูตรอาหารปลากระพงนึ่งมะนาวเป็นการนำปลาสดๆมานึ่งจนสุกหอม แล้วราดด้วยน้ำปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว แซ่บถึงใจ อีกหนึ่งเมนูเด็ดรสชาติเข้มข้นจัดจ้านครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย รับประทานร้อนๆได้ความหอมจากเนื้อปลา อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และปราศจากไขมัน เป็นเมนูอาหารไทยที่อยากให้ทุกท่านมาลองชิมมากๆครับ วันนี้ครัว zabwer.com จึงได้นำสูตรปลากระพงนึ่งมะนาวมาฝาก และวิธีทำก็ทำไม่ยาก…สูตรก็ตามนี้เลยครับ


ส่วนผสม
1. ปลากระพงขาวหนัก 7 ขีด
2. กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10-30 เม็ด
(ถ้าใช้พริกขี้หนูสวนจะหอมและเผ็ดมากกว่า ปริมาณแล้วแต่ชอบ ถ้าใส่ 10 เม็ดสำหรับเผ็ดน้อย ... 30 เผ็ดมาก)
4. รากผักชีสับหยาบๆ 3 ราก
5. ต้นหอมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำปลากระพงมาขอดเกล็ด ควักเอาพุงปลาออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งขวางเนื้อปลาข้างละ 3 บั้งให้ถึงกระดูก แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ก่อนนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชูและเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน แล้วนำไปทาตัวปลาให้ทั่ว วางใส่จาน พักไว้
3. นำน้ำสะอาดใส่ในซึ้ง ต้มให้น้ำเดือด จากนั้นให้นำปลากระพง (จากข้อ 2) ลงนึ่งในซึ้งเลยครับ แล้วปิดฝาหม้อ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งปลาสุก จากนั้นให้ยกปลาออกมา เทน้ำในจานปลาออกโดยใส่ถ้วยไว้ต่างหาก…อย่าทิ้ง
4. ระหว่างรอปลาสุก ให้ทำน้ำปรุงรสใส่ชามเตรียมไว้ โดยผสมกระเทียมสับ ต้นหอมสับ พริกขี้หนูสับ รากผักชีสับ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน แล้วก็เติมน้ำจากตัวปลาลงไปผสมด้วย ชิมและเติมรสให้ถูกใจ
5. นำปลาที่นึ่งสุกแล้ว ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ เสิร์ฟร้อนๆ ประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และผักชีไทยสับตามชอบครับ
(สำหรับเสิร์ฟรับประทาน 2 ที่)

แนะนำเคล็ดลับการนึ่งปลา
  • อาจเพิ่มผักลงไปในเมนูปลากะพงนึ่งมะนาว โดยวางผักต่างๆรองตัวปลาแล้วนำไปนึ่ง
  • ปลานึ่งมะนาว ไม่ว่าจะใช้ปลาอะไรทำนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องนึ่งปลาให้สุกเสียก่อน การที่จะนึ่งปลาไม่ให้คาวและเนื้อเละ ที่เป็นเหตุทำให้ทานปลาไม่อร่อย มีวิธีแก้ปัญหาดังนี้คือ ก่อนจะนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชู และเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน ทาตัวปลาให้ทั่ว นำตะแกรงไปวางรองลังถึง จากนั้นให้นำปลาลงไปนึ่งในน้ำเดือดไฟแรง…จนปลาสุก ก็จะไม่มีกลิ่นคาวและเนื้อปลาก็จะไม่เละ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : zabwer.com

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข้าวผัดปลากระป๋อง เมนูอาหารง่ายๆ อร่อยได้อีก

สำหรับวันนี้ zabwer .com ขอนำเสนอเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ นั่นก็คือ "ข้าวผัดปลากระป๋อง" เป็นข้าวผัดยามยากอีกจานที่ทำได้ง่ายและอร่อย หรือแม้แต่จะนำไปแปลงเป็นเมนูเด็ดผัดขี้เมา หรือเป็นผัดกระเพราะก็ยังทำได้ ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ยังไม่เคยทานข้าวผัดปลากระป๋องมาก่อน รีบลองเข้าครัวไปทำทานซะนะ เพราะข้าวผัดปลากระป๋องนี้เป็นอีกเมนูอาหารง่ายๆ และวัตถุดิบก็หาง่าย ประมาณว่าถ้าคุณรื้อในครัวดูแล้วมีแค่ปลากระป๋องกับข้าวสุกอยู่บ้าง เพียงแค่นี้ก็สามารถทำข้าวผัดปลากระป๋องได้แล้วล่ะ และถ้ามีผักอะไรที่พอเหลืออยู่ก็สามารถเอามาใส่ได้หมดแหล่ะ จะได้อร่อยและน่าทานยิ่งขึ้น…แล้วคุณจะค้นพบของกินอร่อยใกล้ตัวที่ทำง่ายถูกปากถูกใจอีกจาน


เครื่องปรุง
ข้าววสุก 2 ถ้วยตวง
ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง
มะเขือเทศหั่นชิ้น ¼ ถ้วยตวง
หอมหัวใหญ่หั่น ¼ ถ้วยตวง
แครอทหั่นเล็ก ¼ ถ้วยตวง
ถั่วลันเตาเม็ด ¼ ถ้วยตวง
ผักมอคเคอรี่หั่น ¼ ถ้วยตวง
ข้าวโพดอ่อนหั่น ¼ ถ้ยตวง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ (ดับกลิ่นคาวปลา)
พริกชี้ฟ้าสับ 1 – 2 ช้อนชา (ดับกลิ่นคาวปลา)
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องเคียง : ผักชีโรยหน้า ต้นหอม แตงกวาหั่น มะนาวฝาน พริกขี้หนูหั่นฝอย

วิธีทำ
1. นำข้าวสุกคลุกกับปลากระป๋อง
2. ยกกระทะขึ้นตั้งบนเตาไฟ จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปก่อน เมื่อน้ำมันร้อนให้ใส่กระเทียมสับและลงพริกไป แล้วเจียวจนเหลืองหอมด้วยไฟปานกลาง
3. พอเริ่มมีกลิ่นหอม ใส่หอมหัวใหญ่ เม็ดถั่วลันเตา แครอท หรือผักต่างๆตามแต่ชอบลงไปเลย แล้วผัดไม่ต้องนานพอแค่ผักสลด
4. จากนั้น เอาข้าวที่ร่วนแล้วไม่ติดกัน (จากข้อ1) ใส่ลงไปอีก แล้วผัดพอร้อนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือเล็กน้อย ผัดคลุกเคล้าไปมาเบาๆ จากนั้นตักใส่จานโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมแตงกวา ผักชี ต้นหอม และมะนาวฝาน ถ้าชอบเผ็ดอาจมีพริกขี้หนูหั่นฝอยประกอบไปด้วยก็ได้
(สำหรับส์ฟรับประทาน 2 ที่)

แนะนำเพิ่มเติม
  • การเลือกซื้อปลากระป๋อง ควรเลือกปลากระป๋องชนิดบรรจุในน้ำ เนื่องจากน้ำกับไขมันผสมเข้ากันไม่ได้ กรอดไขมันโอเมก้า 3 จึงจะยังถูกเก็บรักษาอยู่ในเนื้อปลาอย่างครบถ้วน แต่ถ้าเป็นปลากระป๋องแบบ บรรจุในน้ำมัน กรดไขมันจะไหลออกมาปะปนกับน้ำมันที่ใช้บรรจุทำให้สูญเสียกรดไขมันบางส่วนไป ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • สำหรับการปรุงรสเค็มนั้น เราจะใช้เป็นเกลือป่นแทนน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะทำให้เหม็นคาว

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

ผัดพริกแกงโปรตีนเกษตร เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

สูตรอาหาร : เมื่อพูดถึงผัดพริกแกง เราก็อาจจะนึกถึงอาหารที่มีรสเผ็ดและอร่อยที่ปรุงรสด้วยเครื่องแกงไทยๆ ที่มีหลากหลายเมนูให้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็นผัดพริกแกงหมู ไก่ อาหารทะเล ยิ่งถ้าใส่เป็นเนื้อหมูติดมันลงไปด้วยแล้ว ยิ่งอร่อยนักเชียว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือคนรักสุขภาพเมนูนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ วันนี้เรา zabwer.com จึงได้นำสูตรผัดพริกแกงโปรตีนเกษตรอร่อยๆมาฝากครับ เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะโปรตีนเกษตรทำจากถั่วซึ่งให้โปรตีนได้อย่างดี และปรุงรสให้อร่อยด้วยเครื่องแกงไทยๆ…รับรองว่ารสชาติอร่อยเลิศไม่แพ้ผัดพริกแกงเนื้อเลย ก็เป็นอีกเมนูที่ทำไม่ยากแต่ได้สุขภาพ รสชาติอร่อยถูกปากสไตล์คนชอบทานเผ็ด


ส่วนผสม
  1. โปรตีนเกษตรชิ้นเล็ก 2 ถ้วย
  2. พริกแกงแดง ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ใบมะกรูดหั่นฝอย 1-2 ใบ
  6. พริกชี้ฟ้า เขียว แดง อย่างละ 1 เม็ด
  7. (หั่นฝอยสำหรับโรยหน้า)
  8. น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. แช่โปรตีนเกษตรในน้ำเย็นจนนิ่ม ลวกน้ำร้อนแล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนให้กรอบเหลือง ตักขึ้น พักไว้
2. ผัดพริกแกงกกับน้ำมันให้หอม ค่อยๆเติมน้ำสะอาดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล แล้วจึงใส่โปรตีนเกษตรลงผัดให้เข้ากัน ตักขึ้น โรยใบมะกรูด พริกหั่นฝอย

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com
ขอขอบคุณรูปภาพจาก :  thehandofgod.exteen.com

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรน้ำจิ้มข้าวหมกไก่อร่อย

แม้ว่าข้าวหมกไก่ที่ทำให้นักชิมทั้งหลายต่างถูกปากถูกใจนั้น เสน่ห์อยู่ที่เครื่องหอมของเครื่องเทศที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อไก่และตัวข้าว แต่คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าถ้าขาดน้ำจิ้มข้าวหมกไก่รสเด็ดไป ก็คงจะขาดสีสันลดความอร่อยของข้าวหมกไก่ลงไปมิใช่น้อย แต่ในทางกลับกันถ้าน้ำจิ้มอร่อยก็จะเป็นตัวชูโรงเพิ่มความอร่อยได้ดีนักเชียว แถมวิธีทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่นั้นก็ทำได้ง่ายๆด้วย สำหรับสูตรน้ำจิ้มข้าวหมกไก่ที่ zabwer.com นำฝากนี้ รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ หวานนำ มีความพิเศษตรงที่ใส่ใบระแหน่ลงไปด้วยทำให้น้ำจิ้มที่ได้มีสีเขียวเข้มมรกตและกลิ่นหอมน่ารับประทานยิ่ง ที่สำคัญเมื่อรับประทานคู่กับช้าวหมกไก่ ข้าวหมกหมกเนื้จานโปรดของคุณแล้วรสชาติอร่อยกลมกล่อมเข้ากันดีนักเชียว


เครื่องปรุงสำหรับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
  1. ต้นหอม 8 ต้น 
  2. ผักชี 10-12 ต้น 
  3. ขิงแก่ 1 ถ้วย 
  4. พริกชี้ฟ้าเขียว 4 เม็ด (หรือใส่เพิ่มได้ตามใจชอบ) 
  5. กระเทียมกลีบ 20 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) 
  6. ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย 
  7. น้ำตาลทราย 1 1/3 ถ้วย 
  8. เกลือป่น 4 ช้อนชา 
  9. น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย 
  10. น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
1. อันดับแรกทำน้ำเชื่อมก่อนคือ นำน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลาย ปิดเตา ยกลง พักไว้ก่อน
2. ตัดรากต้นหอม ผักชี ปลอกเปลือกขิง และตัดขั้วพริกชี้ฟ้า ล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำทุกอย่างมาซอยหยาบๆ จากนั้นนำเครื่องที่ซอยไว้ใส่ลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นเครื่องทั้งหมดให้ละเอียด
3. จากนั้นให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้และคนให้เข้ากัน ใส่ตามด้วยผักที่ปั่นเตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้ทั้งหมดเข้ากัน

ขอบคุณที่มาจาก : คุณบ่งบ๊ง @www.bloggang.com

วิธีทำข้าวหมกไก่อร่อยเด็ด แบบง่ายๆ

สูตรอาหาร : ข้าวหมกไก่นั้นเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวอินเดีย แต่กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทยและยังเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวพี่น้องอิสลามทางภาคใต้อีกด้วย สำหรับเสน่ห์ของข้าวหมกไก่อยู่ที่ความหอมของเครื่องเทศที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อไก่และตัวข้าว อีกทั้งข้าวหมกไก่ก็ยังเป็นเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยและมีคุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ เพราะมีทั้งโปรตีนจากไก่ คาร์โบไฮเดรตจากข้าว วิตามินและเกลือแร่จากผัก ไขมันจากเนย จึงไม่ใช่เรื่องยาก…ที่ทั้งอร่อยรสเด็ดและมีคุณค่าทางอาหารเช่นนี้จะเป็นที่ถูกปากถูกใจของนักชิมทั้งหลาย วันนี้ zabwer.com จึงได้นำสูตรวิธีทำข้าวหมกไก่แบบง่ายๆ มาฝากครับ ที่สำคัญหอมอร่อยรสเด็ดแน่นอน (^_^)


เครื่องเทศข้าวหมกไก่
1. อบเชย (ใช้ยาวประมาณ 1 นิ้ว) 2 ชิ้น หรืออบเชยป่นก็ได้
2. กานพลู 6 ดอก
3. กระวาน 6 ลูก
4. เม็ดผักชีป่น 2 ช้อนชา
5. พริกไทย 1 ช้อนชา
6. พริกชี้ฟ้าแดงเม็ดใหญ่ (เอาเมล็ดด้านในออก) 2 เม็ด
7. กระเทียมซอย 3ช้อนโต๊ะ
8. ขมิ้น 1 ช้อนชา
9. ผงกะหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ
10. ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา
11. พริกป่น 1/2 ช้อนชา
12. เกลือป่น 2 ช้อนชา

เครื่องปรุงข้าวหมกไก่
1. ข้าวสารเก่า 3 ถ้วยตวง
2. สะโพกไก่ หรือน่องไก่ 1 กิโลกรัม (8 ชิ้น)
3. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย (150 กรัม)
4. เนยจืด 60 กรัม
5. นมข้นจืด 4 ช้อนโต๊ะ
6. หอมแดงเจียว สำหรับโรยหน้า (ตามใจชอบ)
7. ผักชีเด็ดใบ สำหรับโรยหน้า
8. เครื่องเคียง เช่น แตงกวาหั่นแว่น ผักกาดหอม มะเขือเทศหั่นแว่น

วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด สับเป็นชิ้นใหญ่ แล้วนำส้อมมาจิ้มชิ้นไก่ให้ทั่ว พักไว้
2. เตรียมเครื่องเทศผงให้พร้อม ด้วยการนำ อบเชยป่น กานพลู กระวาน ลูกผักชีป่น และพริกไทย ลงไปคั่วในกระทะให้หอม จากนั้นนำไปโขลกจนละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้ แล้วนำพริกชี้ฟ้าแดง (เอาเมล็ดด้านในออก) และกระเทียมซอยมาโขลกจนละเอียด ผสมกับเครื่องเทศที่โขลกไว้ จากนั้นใส่ พริกป่น เกลือ ขมิ้น ผงกะหรี่ และยี่หร่า คนให้เข้ากัน
3. ผสมเครื่องปรุงหมักไก่ โดยการนำเครื่องเทศผง (จากข้อ 2) ตามด้วยโยเกิร์ต เนยจืด และนมจืด ผสมให้เข้ากันในชามผสม
4. นำสะโพกไก่ น่องไก่ที่เตรียมไว้ ไปหมักกับเครื่องปรุง (จากข้อ 3) แล้วคลุกเคล้านวดขยำๆเบาๆ ให้เข้ากัน เพื่อให้เครื่องปรุงทั้งหมดซึมเข้าเนื้อไก่ จากนั้นหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือจะให้ดี…หมักแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน…จะยิ่งทำให้เนื้อไก่นุ่มและหอม (เมื่อจะนำมาทำข้าวหมกไก่ ก็ให้เอาออกมาพักให้หายเย็นก่อน)
5. เมื่อไก่หมักได้ที่แล้ว นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยจืดลงไปเล็กน้อย รอจนเนยละลาย ใส่สะโพกไก่ลงไป ทอดให้หนังไก่เริ่มตึงและเหลือง จากนั้นพลิกอีกด้าน ทอดจนเหลืองเช่นกัน ตักขึ้น พักไว้ (คือทอดไก่ให้เกือบสุกทั้งสองด้านเท่านั้น เพราะเดี๋ยวเราจะต้องนำไก่ทอดนี้ไปหมกในหม้อหุงข้างต่ออีก)
6. ให้นำข้าวสารไปซาวน้ำและเทน้ำทิ้งให้หมด แล้วใส่ไก่ที่ทอดไว้แทรกระหว่างข้าว ใส่เครื่องหมักที่เหลือตามลงไป สุดท้ายใส่น้ำเปล่าลงไป กะให้พอดีกับข้าวที่หุงตามปกติด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กดสวิตช์หุงข้าวจนสุก…แล้วปล่อยให้ข้าวระอุอีกประมาณ 10 นาที
7. ตักข้าวหมกไก่ใส่จาน โรยด้วยหอมเจียว ใบผักชี แล้ววางแตงกวาหั่น ต้นหอมไว้ข้างๆ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
(สำหรับเสิร์ฟรับประทานได้ 8 ที่)

แนะนำเพิ่มเติม
  • หากเลือกใช้ข้าวหอมมะลิเก่าจะให้ความหอมนุ่ม ทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้น
  • สำหรับขมิ้น หากใช้เป็นขมิ้นแขกจะให้กลิ่นที่หอมและเนื้อข้าวหมกไก่จะมีสีเหลืองสวยกว่าใช้ขมิ้นไทย แต่ถ้าใช้ขมิ้นไทยสีจะออกไปทางเหลืองคล้ำนิดหน่อย จึงอาจจะทำให้ดูน่ารับประทานน้อยกว่า
  • สำหรับทำข้าวหมกไก่ ควรเลือกเนื้อส่วนน่องและสะโพก เพราะจะให้รสชาติที่อร่อยนุ่มนวล
สำหรับสูตรวิธีทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่ รสเด็ดอย่างละเอียดสามารถดูได้ที่:
สูตรวิธีทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่

เรียบเรียงข้อมูลโดย : zabwer.com

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรซุปหน่อไม้ อาหารพื้นบ้านภาคอีสาน

ซุปหน่อไม้นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคอีสานที่เราค่อนข้างจะคุ้นเคย หากพูดถึงส้มตำก็ต้องมีซุปหน่อไม้ ซึ่งผู้นิยมอาหารอีสานมักจะสั่งมาควบคู่กับส้มตำด้วยเสมอ เพราะอร่อยแซ่บหลายอย่าบอกใคร แม้แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวก็โปรดปรานชื่นชอบเมนูอาหารไทยนี้เป็นจำนวนมาก สำหรับวิธีการทำซุปหน่อไม้นั้นคุณสามารถทำรับประทานเองได้แสนง่าย คือการนำหน่อไม้รวก มาต้มกับใบย่านางจนสุก แล้วตักเอาเฉพาะเนื้อหน่อไม้ที่เตรียมไว้และน้ำใบย่านางอีกเล็กน้อย เอามาปรุงแต่งรสชาติด้วยข้าวคั่ว ต้นหอม ผักชีฝรั่ง พริกป่น คลุกเคล้ากับน้ำมะนาว น้ำปลา เพียงเท่านี้ก็ได้รสชาติอร่อยแบบแซ่บสุดๆแล้ว สำหรับสูตรการทำซุปหน่อไม้ที่ zabwer.com นำมาฝากนี้มีสูตรเด็ดและขั้นตอนแบบละเอียดตามนี้ครับ

เครื่องปรุง
  1. หน่อไม้เผา ต้มให้สุก ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวง
  3. พริกป่น 2 ช้อนชา
  4. ข้าวคั่ว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  5. งาขาวคั่ว โขลกพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ 
  6. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
  9. หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  10. ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  11. ผักชีฝรั่งหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
  12. ใบสะระแหน่ 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ในขั้นตอนแรกควรเตรียมหน่อไม้ให้พร้อมปรุงเสียก่อน
  • ถ้าเป็นหน่อไม้สดจะเอามาทำซุปหน่อไม้ ต้องนำไปเผาไฟให้สุก จากนั้นให้เอากาบออกให้เหลือแต่เนื้อหน่อไม้ แล้วเอาไปล้างให้สะอาด จากนั้นเอาไปต้มให้สุก (หน่อไม้จะเหลือง) เมื่อต้มหน่อไม้สุกแล้ว นำมาเลาะเปลือกออก แล้วนำเนื้อไปทำการขูดเป็นเส้น (คือเอาช้อนส้อมหรือเหล็กแหลมอันใหม่มาขูดจากโคนของเนื้อหน่อไม้ไปทางยอดจะได้หน่อไม้เป็นเส้นๆตามยาว) จากนั้นต้องพยายามบีบนวดขยำเนื้อหน่อไม้หรือการคั้นน้ำจากหน่อไม้ให้น้ำหมดไปจากเนื้อหน่อไม้ด้วย (เพื่อให้น้ำขมในเนื้อหน่อไม้หมดไป) แล้วควรนำไปล้างทำความสะอาดอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง คือหน่อไม้ที่เตรียมเสร็จแล้วนั้นควรมีรสจืด
  • แต่ถ้าเป็นหน่อไม้รวก หน่อไม้ดองขูดเป็นเส้นเล็กฝอย หรือหน่อไม้แบบกระป๋อง (ที่หาซื้อได้จากตลาด …แบบนี้ก็จะสะดวกดี) เตรียมโดยให้นำหน่อไม้ไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก ให้หายขม หายเฝื่อน...ก็นำมาปรุงซุปฯได้แล้ว
2. ให้คั้นน้ำใบย่านาง (หรือจะซื้อที่ตลาดเลยก็ได้…ก็ให้ไปทำที่ข้อ3 ได้เลย)
วิธีทำน้ำใบย่านาง คือให้นำส่วนใบย่านาง 3-4 ใบนำไปล้างทำความสะอาด แล้วนำไปใส่ครกโขลกให้ละเอียดหรือด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แล้วเติมน้ำ 1 ถ้วยตวงลงไป เราก็จะได้น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวงออกมาแล้ว
3. ต้มหน่อไม้กับน้ำใบหญ้านาง ดังนี้คือ ใส่หน่อไม้ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำใบย่านางและเกลือเล็กน้อย แล้วพยายามกดหน่อไม้ให้จมลงในน้ำใบย่านางทั้งหมด จากนั้นเปิดไฟต้มจนหน่อไม้สุก ลักษณะคือจะมีน้ำขลุกขลิกเหลืออยู่ในหน่อไม้ต้มน้ำใบย่านาง
4. เมื่อเราต้มจนหน่อไม้สุกแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วพักให้ส่วนของหน่อไม้นั้นเย็นซะก่อน ก่อนที่เราจะนำมาทำซุปหน่อไม้
5. นำหน่อไม้ที่เตรียมไว้และน้ำใบย่าเพียงเล็กน้อยใส่ลงในครก แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าพอให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ได้แก่ งา ข้าวคั่ว พริกป่น (ปริมาณตามชอบ) น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำเบาๆ (ลักษณะแบบคลุกเคล้าและย้ำเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน)
6. จากนั้นให้ใส่หอมแดงซอยลงไป ตามด้วยต้นหอมซอย แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน
7. จากนั้นให้ใส่ผักชีฝรั่งหั่นและใบสะระแหน่ลงไป แล้วเพียงใช้ช้อนหรือทัพพีคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยไม่ต้องใช้ลูกครกย้ำแล้ว
8. จากนั้นก็ตักเสิร์ฟใส่จาน ตกแต่งบนอาหารด้วยต้นหอมซอย ผักชีใบยาว และใบสะระแหน่ เพื่อให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น
(สำหรับเสิร์ฟรับประทาน 1 ที่)

คำแนะนำ
  • ส่วนผักที่ใช้รับประทานกับซุปหน่อไม้นั้นส่วยใหญ่ก็จะเหมือนกันกับลาบและส้มตำ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งผักที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราสามารถนำมารับประทานด้วยได้ทั้งสิ้น เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักกาดขาว หรือใบโหระพา
  • สามารถใช้ได้ทั้งพริกป่นและพริกสด สำหรับพริกป่นจะหอมกว่า พริกสดจะจัดจ้านกว่า หรือจะเอาพริกสดไปคั่วไฟก็ได้เหมือนกัน
  • บางสูตรนั้น ในขั้นตอนปรุงรสซุปหน่อไม้นั้น เขาอาจนำหอมแห้งปอกเปลือกและพริกสดไปคั่วไฟในกระทะรวมกันพอหอม แล้วนำไปใส่ครกโขลกตำให้ละเอียดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่หน่อไม้ที่เตรียมไว้ลงไป แล้วก็ตามด้วยเครื่องปรุงต่างๆทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน…แบบนี้ก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่สูตรแล้วแต่ถนัดความชอบครับ ก็จะได้รสชาติหอมอร่อยอีกแบบ แต่ก็ไม่ต่างกันมากครับ

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

แกงหน่อไม้ใบย่านางหรือแกงเปรอะ รสแซ่บ

หน่อไม้ทำอาหารได้หลากหลาย ทั้งแกง ต้มจิ้มน้ำพริกก็อร่อย เมนูหนึ่งซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านอีสานยอดนิยมเมนูหนึ่ง นั่นคือ “แกงหน่อไม้ใบย่านาง หรือ แกงเปรอะ“ อร่อยแซ่บ รับประทานได้ไม่รู้เบื่อ ใครที่ชอบทานหน่อไม้ห้ามพลาด และในแกงหน่อไม้ใบย่านางนี้ยังประกอบไปด้วยสมุนไพรมากมาย และยังให้คุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย วันนี้ครัว zabwer.com ขอนำเสนอสูตรแกงหน่อไม้ใบย่านางหรือแกงเปรอะ อาหารอีสานบ้านเฮา ที่มีวิธีการทำดังนี้…


เครื่องปรุง
  1. หน่อไม้สด หรือหน่อไม้รวกสุกสีเหลือง (ซื้อที่ตลาด) 8 หน่อ(สำหรับหน่อไม้สด…อะไรก็ได้ เช่น หน่อไม้ไผ่ตง, หน่อไม้บง (ขมๆ), หน่อไม้ไผ่บ้าน) 
  2. ปลาย่างแกะเนื้อ 1 ถ้วยตวง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  3. ชะอมเด็ด 2 ถ้วยตวง
  4. ใบแมงลักเด็ด 2 ถ้วยตวง
  5. ใบย่านางคั้นเอาน้ำ (ซื้อที่ตลาดก็ได้) 2 ถ้วยตวง
  6. น้ำปลาร้า ½ ถ้วยตวง
  7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ฟักทอง (หรือยอดฟักทอง) 2 ถ้วยตวง
  9. เห็ดฟาง (เห็ดนางฟ้า) 2 ถ้วยตวง
  10. ข้าวโพดอ่อน, บวบ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)


หน่อไม้รวกสุกฝานบาง แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด 
หน่อไม้สดฝานบางๆ เพื่อที่จะนำไปต้มให้สุก
เครื่องปรุงของน้ำพริกแกง
  1. พริกขี้หนูสด ¼ ถ้วยตวง
  2. หัวหอมแดง ½ ถ้วยตวง
  3. ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ข้าวเหนียวแช่น้ำ ¼ ถ้วยตวง
  5. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
**โขลกทุกอย่างรวมกันให้ละเอียด**

วิธีทำ
1. เตรียมหน่อไม้
  • ปอกเปลือกหน่อไม้สด จากนั้นฝานให้เป็นชิ้นบางๆ เวลาต้มจะได้สุกและหายขมเร็ว ถ้ายังขมมากก็ต้มสักสองครั้ง ชิมดูว่าจืดหรือยัง คือหน่อไม้ที่เตรียมเสร็จแล้วนั้นควรมีรสจืด…ถ้าจืดแล้วก็เทน้ำต้มหน่อไม้ทิ้งไป 
  • หรือจะซื้อหน่อไม้รวกเหลืองมาเลยก็ได้…สะดวกดี ล้างน้ำสะอาดสัก 1 รอบ แล้วนำมาปรุงแกงหน่อไม้ได้เลย
2. ให้นำส่วนเฉพาะเนื้อของปลาย่างสุก โขลกรวมกันในน้ำพริกแกง
3. เตรียมผักต่างๆสำหรับปรุง
  • นำเห็ดฟางตัดโคนดำออก ผ่าครึ่ง ล้างน้ำไว้ให้สะอาด
  • นำชะอม ใบแมงลัก มาเด็ดยอดและใบไว้ แล้วล้างน้ำให้สะอาดพักไว้
  • นำฟักทองมาหั่นแล้วล้างน้ำให้สะอาด
  • นำใบย่านางมาเลือกเอาใบ แล้วล้างน้ำให้สะอาดคั้นเอาน้ำ พักไว้
  • คั้นใบย่านางกรองเอาแต่น้ำ (ใช้เครื่องปั่นจะเร็วกว่าใช้ครกโขลก) คือใช้ใบย่านาง 6-10 ใบ แล้วเติมน้ำ 2 ถ้วยตวงลงไป แล้วกรองเอาแต่น้ำ ก็จะได้น้ำใบย่านาง 2 ถ้วยตวงแล้ว
4. นำหน่อไม้มาต้มกับน้ำใบย่านาง พอเดือดใส่น้ำพริกแกงลงคนให้ทั่ว พอเดือดอีกใส่เห็ด ฟักทอง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ชิมดูรสชาติให้อร่อยตามชอบใจ พอน้ำเดือดอีกครั้งให้ใส่ชะอม ใบแมงลัก คนให้ทั่ว แล้วปิดไฟ

ขั้นตอนทำซุปหน่อไม้

5. พร้อมตักเสิร์ฟรับประทานร้อนๆ (^_^)
(เสิร์ฟรับประทานได้ 1 ถ้วย)

แนะนำเพิ่มเติม
  • อาหารพื้นๆ ได้คุณค่าทางยาจากพืชสมุนไพร อย่าง กระชาย ใบย่านาง หรือ ใบชะอม แต่ต้องระวังสำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เพราะในหน่อไม้จะมีสารพวก ออกซาเลตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่ว
  • สำหรับเนื้อปลาย่างจะใส่หรือไม่ก็แล้วแต่ชอบ หรือเราจะเปลี่ยนเอาเป็นเนื้อหมูสุก เนื้อไก่สุกก็ย่อมได้ทั้งนั้น
  • สำหรับผู้ที่ไม่ชอบน้ำปลาร้าสามารถใส่แต่น้ำปลาแทนอย่างเดียวก็ได้ หรือจะใส่แต่น้ำปลาร้าอย่างเดียวก็ได้ ก็อร่อยเช่นกัน…ขึ้นอยู่กับความชอบ
เรียบเรียงข้อมูลโดย : zabwer.com

แกงเขียวหวานไก่ รสกลมกล่อมจัดจ้าน

แกงเขียวหวานไก่เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันมาก ในหมู่ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง หรือรับประทานกับขนมจีนก็อร่อยไม่น้อย ซึ่งเนื้อสัตว์ที่จะนำมาทำแกงเขียวหวาน ก็สามารถทำเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ลูกชิ้นปลากราย หรือเมนูผักเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นเดียวกัน แกงเขียวหวาน มีความหอมของพริกแกง และความหอมของเครื่องเทศ มีรสหวานมันของกะทิ นิยมรับประทานกับข้าวสวยหรือขนมจีนก็จะเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น…ดังนั้น วันนี้ zabwer.com จึงมีสูตรแกงเขียวหวานไก่รสชาติกลมกล่อมจัดจ้านมาฝากครับ ที่มีสูตรอร่อยๆดังนี้


เครื่องปรุงแกงเขียวหวานไก่

  • พริกแกงเขียวหวานผสมพริกแกงเผ็ดนิดนึง (ซื้อที่ตลาด…เดี๋ยวว่างๆจะเอาสูตรทำพริกแกงเด็ดๆมาฝากนะครับ)
  • สะโพกไก่ 500 กรัม
  • เครื่องในไก่ 500 กรัม (หรือมากกว่าได้ตามชอบ)
  • เลือดไก่ 1 ก้อน (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • มะเขือเปราะ 500 กรัม
  • มะเขือพวง 500 กรัม
  • พริกขี้หนูสวน 100 กรัม (โขลกหรือบด ให้พอละเอียด)
  • กะทิสด 1½ เอาเฉพาะหัว หรือจะใช้แบบกล่องก็เอากล่องขนาด 1000 มิลลิลิตร
  • ใบโหรพา 200 กรัม
  • พริกแดงเพื่อตกแต่ง 1 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ หรือ น้ำปลา
  • น้ำตาลปิ๊ป 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำเนื้อไก่ เครื่องในและเลือดไก่ มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำเนื้อไก่ต่างๆมาหั่นให้ได้ชิ้นพอดีคำ
2. เตรียมผักต่างๆสำหรับปรุงอาหาร
  • มะเขือเปราะล้างและ ผ่าครึ่งหั่น สี่ ชิ้น แช่ในน้ำผมสมเกลือเพื่อไม่ให้มะเขือดำ จากนั้นก็เด็ดมะเขือพวงลงไปแช่รวมกันด้วย
  • ใบโหรพาเด็ดเอาแต่ใบล้างน้ำแล้วผึ่งในตระกร้าไว้
3. นำหัวกะทิมาผัดกับพริกแกงให้หอม คือเริ่มจากเอาน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ลงกระทะ จากนั้นนำพริกขี้หนูสวนที่โขลกแล้วลงไปเจียวให้หอมด้วยไฟอ่อน ตามด้วยพริกแกงลงไปผัดตาม ค่อยๆเติมหัวกะทิ ทีละทัพพี ให้ได้ 3 ทัพพี เคี่ยวให้กะทิแตกมัน (เหตุที่ใช้พริกขี้หนูด้วยก็เพื่อเพิ่มความเผ็ดหอม และไม่ให้น้ำแกงข้นเกินไปจากพริกแกงที่ใส่เยอะ)
4. จากนั้นให้ใส่ไก่ลงผัดให้พอสุก ตามด้วยเครื่องใน เติมเกลือ 1/2 ช้อนชา (ถ้าเกลือปรุงทิพย์ ให้ใส่ครึ่งช้อนชา หรือถ้าเป็นเกลือป่นสมุทร 1 ช้อนชา) ผัดให้พอสุก
5. จากนั้นให้เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟแรงให้เดือดสักพัก
6. ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวงลงไป หมั่นคนให้มะเขือจมน้ำแกงเพื่อมะเขือจะได้ไม่ดำ ทำให้น่าทาน จนมะเขือเริ่มสุก เติมน้ำปลา น้ำตาลปิ๊ป ลงไป ชิมให้ได้รสตามต้องการ ใส่ใบโหรพา เป็นลำดับสุดท้าย คนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง
7. ตักเสิร์ฟรับประทานได้เลย…ที่เป็นแกงเขียวกวานไก่รสกลมกล่อมและจัดจ้าน สามารถทานกับขนมจีนหรือข้าวสวยร้อนๆได้แล้ว

คำแนะนำ
  • พริกขี้หนู พริกแกง เพิ่มลดตามความเหมาะสม กับวัตถุดิบ และความพอใจได้
  • ควรแช่มะเขือในน้ำที่ใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มะเขือดำ
  • มะเขือพวงควรบุบบ้างเล็กน้อย เพื่อให้น้ำแกงเข้าไปในเนื้อมะเขือได้

เรียบเรียงข้อมูลโดย : zabwer.com

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...