ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สอนเทคนิคต้มไข่ไม่ให้แตก แถมยังปอกเปลือกง่าย

 

สอนเทคนิคต้มไข่ไม่ให้แตก แถมยังปอกเปลือกง่าย

หลายคนคงเคยเจอกับปัญหาเวลาที่เราต้มไข่ บางครั้งไข่ก็แตกตั้งแต่ตอนที่เราต้มอยู่ในหม้อจะปอกเปลือกไข่ที่ต้มจนสุกแล้ว แต่ก็ปอกได้ยาก ปอกแล้วเนื้อไข่ติดเปลือกออกมา ทำให้ไข่ที่ปอกออกมาได้นั้นไม่สวย ดูไม่น่าทานเหมือนตามร้านค้าที่เค้าขายไข่ต้มกัน

ก่อนหน้านี้อาจมีหลายคนได้ออกมาบอกถึงเคล็ดลับในการต้มไข่เพื่อให้ได้ไข่แดงที่สุกตามที่ต้องการกันมาหลายคนแล้ว แต่เชื่อได้ว่ายังอีกไม่น้อยที่เมื่อต้มไข่ได้ครบตามเวลาที่ต้องการแล้ว แต่กลับมาเจอปัญหาในตอนที่ปอกเปลือกไข่ หรือไข่แตกออกในตอนที่ต้มอยู่ในหม้อทำให้ไข่หมดความน่าทานลงไป ซึ่งในวันนี้เราก็ได้มีเคล็ดลับในการต้มไข่ไม่ให้แตกแถมยังปอกเปลือกไข่ออกได้ง่ายอีกด้วย

เทคนิคที่ 1

1 เริ่มจากทำความสะอาดไข่ไก่ก่อนนำลงไปในหม้อ

2 เมื่อใส่ไข่ลงไปในหม้อแล้วอย่าเพิ่งเปิดไฟ ให้แช่ไข่ไว้ประมาณ 5 นาทีก่อนต้ม เพื่อรอให้ไข่และน้ำปรับเข้าหากัน เมื่อครบเวลาแล้วจึงค่อยเปิดไฟ และควรใช้ไฟปานกลางในการต้มไข่ เราไม่ควรใช้ไฟแรงในการต้มไข่ การต้มไข่แบบใช้ไฟกลางแบบนี้จะทำให้ทั้งไข่และน้ำมีอุณหภูมิเพิ่นขึ้นพร้อมกันเลยทำให้เปลือกไข่ไม่แตก

3 เมื่อต้มไข่ได้ประมาณ 6 – 7 นาทีก็สามารถปิดไฟได้เลย แล้วปล่อยไข่ไว้ในหม้อประมาณ 5 นาที ไม่ควรรีบตักไข่ขึ้นมา ระดับความสุกนี้จะพอดีไม่ดิบเกิน ไม่สุกมากกำลังน่าทาน

4 เคล็ดลับข้อสุดท้ายในการต้มไข่ครั้งนี้คือในระหว่างที่แช่ไข่อยู่ให้เติมน้ำส้มสายชูลงไปเพื่อเพิ่มความแข็งตัวของไข่ ทำให้เปลือกไม่แตกง่าย จากนั้นก็ให้นำไข่ไปล้างน้ำเย็นเพราะเมื่อไข่ร้อน ๆ โดนความเย็นก็จะทำให้หดตัว ทำให้ปอกเปลือกไข่ได้ง่ายขึ้น

เทคนิคที่ 2

1 สิ่งแรกที่สำคัญคือไข่ ถ้าเป็นไข่ใหม่ให้เอาไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นไข่เก่าก็นำไปต้มได้เลย

2 จากนั้นก็เอามาต้มตามปกติ ใส่น้ำ ใส่ไข่ และใส่เกลือป่นประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ที่สำคัญคือน้ำต้องท่วมไข่ เพราะถ้าน้ำไม่ท่วมไข่ ไข่แดงจะขึ้นไปอยู่ฝั่งที่ไม่โดนน้ำ เวลาต้มเสร็จไข่ขาวตรงบริเวณที่ไม่โดนน้ำจะบาง และขาดเวลาที่เราแกะ

​​3 ​จากนั้นก็นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มไปประมาณ 8-10 นาที

4 เมื่อไข่สุกก็ยกลง เทน้ำร้อนทิ้งแล้วก็เปิดน้ำใส่ แล้วแช่น้ำไว้สักพักจนไข่เย็นลงแล้วก็เทน้ำออกจากนั้นก็สามารถปอกไข่ได้ตามปกติหรือใครจะใช้วิธีเขย่าก็ได้ โดยให้เขย่าไข่ที่ต้มสุกแล้ว ข้อสำคัญคือต้องแน่ใจว่าไข่เย็นแล้ว เพราะถ้าเขย่าทั้งที่ไข่ร้อน ๆ อยู่ไข่จะเละได้

เคล็ดลับดีๆทั้งสองเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นเป็นเคล็ดลับง่ายๆที่ใครๆก็สามารถทำได้ หากต้มไข่ในครั้งต่อไปก็อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆนี้ไปใช้กัน รับรองว่าไข่จะสวยน่ารับประทานแถมยังปอกง่ายอีกด้วย

ที่มา :  kapook

เจอทุกบ้าน แค่นำเศษสบู่ในห้องน้ำ เอามาผสมกับน้ำตาลทราย

 

เจอทุกบ้าน แค่นำเศษสบู่ในห้องน้ำ เอามาผสมกับน้ำตาลทราย

ปัญหาที่หลายๆบ้านไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือต่างจังหวัดต้องเจอคงหนีไม่พ้นเรื่องของยุ ง เชื่อได้ว่าหลายบ้านก็มีวิธีในการจัดการยุ ง ที่แตกต่างกันออกไป บางบ้านจะใช้วิธีการติดมุ้งลวดเพื่อป้องกัน บางบ้านใช้ยาฉีดยุ ง บางบ้านก็ใช้สมุนไพรเช่นตะไคร้หอมต่างๆ แต่วิธีเหล่านั้นก็คงจะป้องกันไม่ได้ตลอด และยิ่งถ้าหากได้นั่งสังสรรค์กันด้านนอกตัวบ้านก็คงจะหนีไม่พ้นต้องขาลายเพราะโดนยุ งกัดอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนแบบนี้ เวลาฝนตกทีก็มีน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุ ง กันเลยทีเดียวแต่ในวันนี้เรามีตัวช่วยที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ลงไปได้โดยใช้เพียงสบู่และน้ำตาลทรายซึ่งเป็นของที่มีกันอยู่ทุกบ้านอยู่แล้ว ส่วนจะต้องทำอย่างไรนั้นเชิญติดตามกันได้เลย

สิ่งที่ต้องเตรียม

1 เศษสบู่เหลือใช้

2 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

3 ผงซักฟอก 2 ช้อนโต๊ะ

4 น้ำเปล่า

5 ภาชนะสำหรับผสม

ขั้นตอนในการทำ

1 เริ่มขั้นตอนแรกด้วยการขูดสบู่ออกมาให้เป็นฝอย ๆ ขนาดเล็กลงแล้วใส่ลงในภาชนะผสมที่เตรียมไว้

2 จากนั้นให้เทผงซักฟอก และน้ำตาลทรายแดงตามลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้วจึงค่อยๆ เทน้ำเปล่าตามลงไปแล้วก็คนให้เข้ากันอีกครั้ง

3 หาภาชนะที่เป็นแบบเปิด หรือจะใช้ขวดตัดแบ่งครึ่งโดยเราจะใช้ส่วนของก้นขวด แล้วจากนั้นให้นำส่วนผสมที่ได้เตรียมไว้แล้วใส่ลงไปที่ภาชนะนั้น จากนั้นให้นำไปวางในจุดต่างๆตามที่ต้องการเพื่อดักยุ ง โดยเราจะเน้นในส่วนของมุมที่เป็นที่มืดหรือมุมอับต่างๆของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตามพุ่มไม้ หรือตามซอกตู้ต่างๆ

หลักการทำงานของสูตรนี้คือ

ตัวน้ำสบู่และน้ำตาลทรายจะช่วยกันทำปฏิกิริยา ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศแบบเบาบาง จะคล้ายๆกับลมหายใจที่เราหายใจเข้าออกอยู่ตลอดเวลานั้นเอง จะเป็นตัวดึงดูดทำให้บินมาเกาะในบริเวณนี้ เพราะว่า คล้ายกับลมหายใจคิดว่ามีคนอยู่ก็เลยบินเข้ามา แล้วก็ไปเกาะบนผิวน้ำของส่วนผสมที่เราเตรียมเอาไว้ ยิ่งเราใช้ภาชนะที่เป็นพื้นที่หน้าตัดกว้าง ก็ยิ่งดี

ตัวผงซักฟอก จะมีฤทธิ์เป็นด่าง จะเป็นตัวเคลือบทำให้ปีกไม่สามารถบินและขยับได้เหมือนกับที่เคยทำได้ เป็นกาวช่วยดูดติดไว้กับลำตัว สูตรนี้จะช่วยจัดการกับยุ งได้ดีมาก

สำหรับเทคนิคในการป้องกันยุ งที่เราได้นำมาฝากกันในครั้งนี้นั้นก็เป็นเทคนิคง่ายๆที่ใครๆก็สามารถทำได้ และยังใช้ส่วนประกอบที่มีกันอยู่แล้วทุกบ้านไม่ว่าจะเป็นเศษสบู่เหลือใช้ ผงซักฟอกหรือน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นของที่หาได้ง่ายมาก และยังมีวิธีการทำที่ง่ายมากเช่นกัน หากใครที่กำลังมีปัญหากับเรื่องนี้ก็สามารถนำสูตรที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ไปลองทำตามกันดูได้ รับรองว่าจะไม่มียุ งมาคอยกวนใจอีกอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ : postnoname, postsod

เก็บไว้ทำตาม สูตรพอกหน้า ผิวขาวใส เนียนนุ่ม อายุ 40 ขึ้นไปควรทำ

 

เก็บไว้ทำตาม สูตรพอกหน้า ผิวขาวใส เนียนนุ่ม อายุ 40 ขึ้นไปควรทำ

เมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้นแน่นอนว่าริ้วรอยต่างๆย่อมตามมา ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยตามหน้าผาก ร่องแก้ม แล้วยังรวมไปถึงจุดด่างดำต่างๆที่ทำให้ต้องกังวลใจ หลายคนมีวิธีในการดูแลผิวหน้าที่แตกต่างกัน บางคนใช้ครีมยี่ห้อดัง บางคนใช้วิธีไปหาหมอทำทรีทเม้นต์หรือเลเซอร์ต่างๆ ซึ่งวิธีข้างต้นนี้แน่นอนว่าต้องเสียเงินไม่น้อยเลยทีเดียว

หรือบางคนอาจใช้วิธีพื้นบ้านอย่างเช่นการใช้สมุนไพรหรือส่วนผสมพื้นบ้านมาใช้บำรุงและพอกหน้าซึ่งในวันนี้เราก็มีสูตรในการดูแลและบำรุงผิวหน้าในเนียนนุ่มและยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ดีอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องอายุมากสูตรที่เรานำมาฝากนี้จะวัยรุ่นหรืออายุมากก็สามารถทำตามได้

สูตรที่ 1 กล้วยน้ำว้าสุก+มันมะกอก

สูตรนี้ใช้กล้วยน้ำว้าสุกจำนวน 1 ผลลงในโถปั่น จากนั้นให้ใส่น้ำมันมะกอกตามเข้าไปด้วย 1 ช้อนชา ปั่นผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกที่ใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรที่ 2 เปลือกกล้วยน้ำว้า

สูตรนี้ใช้เพียงเปลือกกล้วยน้ำว้าอย่างเดียวเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพง โดยให้นำเปลือกกล้วยมาทา ๆ ลูบ ๆ ให้ทั่วใบหน้าและรอบตา วิธีนี้จะช่วยทำให้ริ้วรอยจางลงไป รวมถึงจะช่วยให้ผิวจะขาว เนียน มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดความแห้งกร้านของผิดได้เป็นอย่างดี

สูตรที่ 3 กล้วยน้ำว้าสุก+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว

วิธีการง่ายมากคือให้เตรียมกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผล น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนชา จากนั้นนำมาปั่นรวมกันเลย หรือบดเอาก็ได้ และหลังจากที่ส่วนผสมเข้ากันแล้วให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก่อน แล้วค่อยเอาส่วนผสมที่ทำไว้มาพอกหน้าแล้วเอากระดาษทิชชู่มาแปะทับเอาไว้ ซึ่งพอกเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรที่ 4 กล้วยน้ำว้า+น้ำตาล

สูตรนี้ทำเหมือนเป็นสครับเพื่อใช้ขัดหน้า โดยใช้กล้วยน้ำว้าสุกแล้วมาบด ๆ จากนั้นผสมกับน้ำตาล คนให้เข้ากันดีแล้วก็นำมาขัดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ จะทำให้เซลผิวเก่าขัดออกไปหมด จากนั้นก็พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้นอกจากจะช่วยขัดผิวแล้วยังจะทำให้ผิวเนียนนุ่มมากอีกด้วย

สูตรที่เรานำมาฝากกันทั้ง 4 สูตรนี้ส่วนมากแล้วจะใช้กล้วยน้ำว้าเป็นหลักซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพงนอกจากนี้ส่วนประกอบอื่นๆก็ยังสามารถหาได้ง่ายอีกด้วย หากใครสนใจก็สามารถนำไปลองทำตามกันดูได้ โดยเฉพาะเมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้นเราก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้นการดูแลผิวพรรณก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทั้งนี้หากทำควบคู่กับการออกกำลังกายก็จะยิ่งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและยังมีผิวพรรณที่ดีและยังช่วยทำให้ดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

เรียบเรียงโดย : hostingrc

เอาไว้ทำ น้ำพริกกะปิ สูตรคุณยาย อร่อยมากจนหยุดไม่อยู่


 

เอาไว้ทำ น้ำพริกกะปิ สูตรคุณยาย อร่อยมากจนหยุดไม่อยู่

สำหรับใครที่ชอบทานน้ำพริกกะปิวันนี้เรามีน้ำพริกกะปิสูตรเด็ดมาฝากให้ได้ไปลองทำตามกันดู โดยสูตรที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นเป็นสูตรคุณยายของคุณขวัญ

โดยคุณขวัญได้เล่าว่าเมื่อ 6-7 ปีที่แล้วตอนที่คุณขวัญและครอบครัวได้ย้ายที่อยู่ใหม่ คุณยายได้ตำน้ำพริกกะปิไปถวายพระในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนบ้านคนหนึ่ง และน้ำพริกนั้นก็ได้นำมาให้เพื่อนบ้านคนอื่นรับประทานกัน เมื่อได้ทานกันแล้ว เพื่อนบ้านคนอื่นต่างติดใจ จนต้องถามเป็นเสียงเดียวกันว่า น้ำพริกกะปิถ้วยนี้ ใครเป็นคนตำ ฝีมืออร่อยมากๆ เลยทำให้เพื่อนบ้านได้รู้จักฝีมือการตำน้ำพริกของคุณยายว่า ฝีมือตำน้ำพริกกะปิอร่อยมากๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ขวัญได้ถามคุณยายว่ามีเคล็ดลับอะไร ถึงทำให้การตำน้ำพริกกะปิอร่อย คุณยายบอกว่า กะปิที่ใช้ต้องเป็นกะปิที่ดี ซึ่งใช้สำหรับตำน้ำพริกเท่านั้น เพราะกะปิตำน้ำพริกจะอร่อยกว่ากะปิที่ใช้ทำแกง เนื่องจากความเค็มจะน้อยกว่า คุณยายจะมีกะปิอยู่ 2 อย่างคือ กะปิตำน้ำพริก กับกะปิที่ทำแกง

คุณยายจะสั่งกะปิมาจากญาติที่อยู่นครศรีธรรมราช ให้ส่งมาทางไปรษณีย์ เวลาสั่งจะสั่งทั้งกะปิตำน้ำพริกและกะปิทำแกงมาตุนเอาไว้ที่บ้าน เตรียมพร้อมสำหรับทำอาหารต่างๆ ตลอดเวลา ไม่เคยขาดมือและในวันนี้เราก็ได้นำสูตรน้ำพริกกะปิฝีมือคุณยายมาฝากกัน

ส่วนประกอบ

1 กะปิ ต้องเป็นกะปิที่ใช้ตำน้ำพริก จากนครศรีธรรมราชของคุณยายที่เอามาจากบ้านนอก

2 น้ำตาลทรายประมาณ1 ช้อนโต๊ะ

3 น้ำตาลปี๊บประมาณ 2 ขีด

4 กระเทียมกลีบเล็ก 1 หัวใหญ่

5 หอมแดง 2 หัว

6 พริกประมาณ30 เม็ด

7 มะเขือพวง 1 ขีด

8 มะนาว 4 ลูก

9 น้ำปลา 3-4 เหยาะ

10 น้ำอุ่นประมาณ 100-200 ซีซี

วิธีการทำ

1 เริ่มจากการตำกะปิ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ กะเทียม และหอมหัวแดง

2 จากนั้นใส่พริกและมะเขือพวงลงไปโดยการตำพริกและมะเขือพวงนั้นให้ตำแบบบุบๆ ไม่ต้องให้ละเอียดมากนัก เพราะถ้าละเอียดจะทำให้ตัวน้ำพริกมีรสขมจากพริกแล้วก็มะเขือทำให้เสียรสชาติของน้ำพริกได้

3 จากนั้นก็บีบมะนาวลงไป 4 ลูก และน้ำปลา เหยาะลงไป 3-4 เหยาะ อย่าให้เค็มมากเพราะกะปิก็มีความเค็มอยู่แล้ว และสุดท้ายน้ำอุ่นประมาณ100-200 ซีซี เท่านี้ก็ได้น้ำพริกกะปิสูตรคุณยายพร้อมรับประทาน

น้ำพริกกะปิทานคู่กับปลาทูทอด ชะอมชุบไข่ มะเขือชุบไข่ ผักต้ม ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ แค่คิดก็น้ำลายจะไหลแล้ว ได้ทานแบบนี้ทีไรต้องเติมข้าวสองถึงสามรอบตลอดเลย หากใครสนใจก็ลองนำสูตรน้ำพริกกะปิสูตรคุณยายไปลองทำตามกันดูได้

ที่มา : samunpraibann

ผู้มีบุญไม่เลื่อนผ่าน คน 7 ประเภท หากถอยออกมาได้จะยิ่งดีนักแล

 

ผู้มีบุญไม่เลื่อนผ่าน คน 7 ประเภท หากถอยออกมาได้จะยิ่งดีนักแล

เขาว่ากันว่ามีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าหากว่าเพื่อนของคุณและคนรอบข้างของคุณมีลักษณะนิสัยดัง 7 ประเภทนี้ ถอยออกห่ างมาได้จะยิ่งดีต่อตัวคุณ อย่าเข้าไปยุ่ง อย่าเข้าไปใกล้ชิดจะดีมากๆ

1 ขอความช่วย เหลือตลอดเวลา

แน่นอนว่าถ้าคนเป็นเพื่อนกันการช่วย เหลือกันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากว่าเราเจอเพื่อนประเภทที่ให้ช่วยในทุกเรื่อง ลงมือทำได้เองก็ไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ พก็จะเรียกให้ช่วยอยู่ตลอดเวลา อย่าเสียเวลากับคนแบบนี้ เลยเก็บน้ำใจของเราไว้ใช้กับคนที่เขามีความเกรงใจจะดีกว่า

2 ไม่รู้จักขอบเขต ไม่มีความเกรงใจ

ถึงจะบอกว่าสนิทกันแค่ไหน ควรเว้นระยะ และเข้าใจคำว่า พื้นที่ส่วนตัวด้วย ถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเท่าไหนถึงเรียกว่าไม่ล่วงเกินขอบเขต เอาหลักง่ายๆ ไม่อยา กให้ใครทำกับเราแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้น แต่กับบางคนเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ทำน่ะมันเกินขอบเขต บางครั้งเราอาจจะพูดกับเพือนไปตรงๆ แต่ก็อย่าใช้คำพูดรุน แ ร ง หรือถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง เขายังทำแบบเดิมซ้ำๆ แบบนี้ก็อยู่ห่ างๆกันจะดีกว่า

3 พูดว่าแต่คนอื่น

ไม่มีใครที่ไม่ถูกนิ น ท า หรือถูกพูดลับหลังก็จริง จะว่าไปมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพูดถึงคนอื่น แต่สำหรับคนที่เจอทีไรก็ไม่มีเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ มาพูดมาคุยบ้าง มีแต่เรื่องว่าคนอื่นล้วนๆ คนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่ดี ว่าแต่คนอื่น จ้องจับผิดแต่คนอื่นไปทั่ว มีอยู่คนเดียวที่ดีคือตัวเอง

4 ยืมเงินแต่ไม่คืน

มีหลายคนแล้วที่ต้องแตกกันเพราะเรื่องเงิน เป็นเพื่อนกันยามเดือดร้อนถ้าช่วยได้ก็สมควรที่จะช่วยกันค่ะ แต่ในกรณีที่ถ้าเพื่อนคนไหนมายืมเงินเราบ่อยๆ แต่เวลาคืนกลับทำเหมือนไม่อยา กคืน และแกล้งทำเป็นลืมๆ ผลัดวันประกันพรุ่งบ่อยๆ แบบนี้เสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อน

5 ชวนไปทำแต่อะไรที่ไม่ดี

กิจก ร ร มห่ ามๆ เชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนก็คงอยา กลอง แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่องไม่ดี ไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจก ร ร มอะไรสร้างสรรค์ ขั้นแรกก็เตือนเพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด

6 วุ่นวายเรื่องคนอื่น

หวังดีกับวุ่นวายมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ กรณีจะว่าไปก็อยู่ในหมวดไม่รู้จักขอบเขตของสถานความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนก็ได้เช่นกัน คืองี้นะจะบอกให้ว่า หวังดี เป็นห่วงเพื่อนน่ะ มันเป็นสิ่งที่ เป็นคุณสมบัติของเพื่อนคนนึงที่ควรทำ หากน้องๆ ย้อนถามว่าไหนบอกว่าไม่ชอบแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้น หนูชอบแบบนี้เลยทำกับเพื่อนไง แต่บางทีเรื่องส่วนตัวเขาเราก็ควรดูปฏิกิริยาเพื่อนด้วยว่าเขาแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำมั้ย อย่าให้เขาต้องอึดอัด เพราะอย่างที่บอก ความหวังดีของเราจะกลายดูเป็นเพื่อนที่โคตรวุ่นนะบอกเลย

7 เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

เอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก ไม่รับฟังความคิดของคนอื่น ในบางครั้งสิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป คนรอบข้างเตือนแล้วก็ควรที่จะรับฟัง แล้วเก็บนำมาคิด ไม่ใช่ว่าไม่ฟังใคร และไม่เปิดใจ คนที่เป็นเพื่อนต้องรู้จักพูดต้องรู้จักเราฟัง

ขอบคุณข้อมูลจาก : bitcoretech

คำสอนของเตี่ย เหตุใด ทำไมคนที่อพยพมาอยู่ถึงรวยเป็นเศรษฐี

 

คำสอนของเตี่ย เหตุใด ทำไมคนที่อพยพมาอยู่ถึงรวยเป็นเศรษฐี

คำสอนของเตี่ย ตัวฉันเองนั้นเป็นลูกชาวแผ่นดินใหญ่ เมื่อครั้งหนึ่งมีภัยทางด้านเหลาอากงอาม่าต้องหอบลูกกะเตงหลาน หอบเสื่อผืนหมอนใบข้ามน้ำข้ามทะเลหนีมาที่นี่

เตี่ยได้เล่าให้ฟังว่า อยู่กันอย่างละบาปมาก ข้าวปลาอาหารบางครั้งก็ไม่ได้กิน มีแต่ความแห้งแล้งเกิดขึ้น ผู้คนแก่งแย่งชิงดี แย่งกันกินแย่งกันใช้

ตระกูลของเรานั้นได้เข้ามาอยู่ในอาศัยที่แผ่นดินนี้ และได้ยึดอาชีพพ่อค้าแม่ค้า การค้าขายโดยไม่ชอบการเป็นลูกจ้างใคร ในสมัยนั้นลูกจ้างก็คือกุลียาจก ซึ่งไม่มีความมั่งคั่ง ไม่มีความมั่นคงในตัวเอง ไม่ค้าขายก็จะต้องไปเป็นกุลีใช้แรงงาน อากงได้มีวิชาทำก๋วยเตี๋ยวติดตัวมา

อากงจึงได้ทำโรงก๋วยเตี๋ยว อาแปะก็ทำโรงซีอิ๊ว อาโกเปิดร้านค้าขาย อาเจ็กไม่มีวิชาติดตัวอะไรมา จึงได้ไปเรียนวิชาชีพเป็นช่างไฟ จบออกมาก็เปิดร้านค้าขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ตระกูลเราก็ได้ถ่ายทอดวิชาการค้าขายสืบเนื่องกันมาจนปัจจุบัน

เตี่ยเป็นคนที่ชอบชิมชอบทาน ทำอาหารทำกับข้าวเก่งมาก จึงยึดอาชีพจัดเลี้ยง เราก็ได้ผลพลอยได้ อาหารอร่อยระดับภัตตาคาร ฝีมือพ่อครัวขั้นเทพมาตั้งแต่ยังเล็ก

ก๊วนกุ๊กเพื่อนรักกับเตี่ยก็คือ เจ้าของเรือนเพชรสุกี้ยากี้ถนนเพชรบุรี และอีกคนก็เจ้าของภัตตาคารเจ้าพระยาเตี่ยบอกว่าอยู่ยังไงก็ไม่อดตา ย ทำอะไรก็ขายได้ขอให้ทำของที่ดีอร่อยจริง และ ราคาไม่แพงเกินไป

และต่อไปนี้ คือเรื่องเล่าข้อคำสอนจากเตี่ยของฉัน

1 ฉันมักจะเห็นเตี่ยใส่กางเกงตูดปะตูดขาด ไม่พิถีพิถันที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยเหมือนคนที่นี่เขาบ้าง จะได้สวยงามดูดี ไม่ทำให้ฉันต้องอายเพื่อนฉันจึงถามเตี่ยว่า

ทำไมเตี่ยไม่แต่งตัวดีดีเหมือนคนอื่นเขา เตี่ยตอบว่า เราเป็นคนปากท้องต้องมาก่อน อยู่เมืองนั้น เราลำบากมาก แย่งกันกินแย่งกันใช้ พื้นดินสีแดง แห้งแล้งอดยากจนไม่มีใครจะมาใส่ใจสนใจเรื่องเสื้อผ้า เรื่องแต่งตัว ขอแค่ได้กินอิ่ม กินดีดี มีชีวิตอยู่รอดก็ดีใจมากแล้ว จำไว้นะลูก

ใส่กางเกงตูดขาดไม่เป็นไร แต่ปากท้องเราต้องอิ่ม คนในครอบครัวเราต้องกินอิ่ม พูดเรื่องนี้ปุ๊บ ฉันนึกภาพที่อดข้าว กินข้าวกับน้ำปลา เพื่อหาตังค์ซื้อกระเป๋าหลุยส์วิคตอง ใบละห้าหมื่น ลอยขึ้นมาทันที

2 เมื่อเริ่มมีเงินอย่าเอาเงินไปซื้อของปรนเปรอตนเองทั้งหมด
ต้องเก็บเงินไว้ลงทุนขยายธุรกิจต่อไปด้วย

3 ขายอาหารจานเดียวนะ อย่าขายอาหารตามสั่งอาหารจานเดียว ทำให้อร่อย อร่อยจริงๆ แค่อย่างเดียวพอ ก็รวยได้ อาหารตามสั่ง ทำไม่ทัน ทำเยอะก็ไม่ได้ ไม่ทันรวยเหนื่อยลาจากไปก่อน

4 ต้องหัดฟังเพลงเก่าๆ มั่ง เพลงเก่าๆ มันไพเราะน่าฟัง เพลงสมัยพวกแก มันไม่มีอะไรเลย ตะโกนกันโหวกเหวก มันเป็นเพลงตรงไหน

5 อย่าไปดองกับคนไม่ดี ลูกหลานไปมีครอบครัว ถ้าไปแต่งงานกับคนไม่ดี ตระกุลไม่ดี เป็นนักเลง ยา คนโกงเห็นแก่ตัวเหนียว ไม่รักญาติพี่น้องไม่ เอาใครดองกันไป ก็เดือดร้อนทั้งตระกุล เพราะเราผูกพันกัน เกี่ยวพันกันเป็นครอบครัวใหญ่

6 ถ้าหาแฟนดีดีไม่ได้ ไม่มีใครรัก ไม่มีใครดีกับลูก ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องไปฟูมฟายเสียใจหาใครเค้า ลูกสาวคนเดียวเตี่ยเลี้ยงได้

7 เป็นพี่น้อง ต้องรักกันมากๆ อย่าทะเลาะกัน อย่าตีกัน พ่อแม่จะนอนตาไม่หลับ

8 เตี่ยตื่นตีสี่ ตีห้าทุกวัน เตี่ยบอกว่า เราตื่นก่อนเขาก็ทำงานก่อนเขา มีเวลามากกว่าเขาวันละ 1 ชม. ชีวิตเราก็ล้ำหน้าคนอื่นไปแล้ว วันละ 1 ชม. ทำให้นึกถึงคำที่ว่า “อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา”

9. มีวัดอยู่ใกล้บ้านใกล้ชุมชนต้องดูแลไม่ใช่เอาแต่หอบเงินขึ้นเหนือล่องใต้ ไปทำบุญวัดโน้น วัดนี้ แต่วัดในชุมชนตนเองบ้านตนเองไม่ดูแลเลย เราเกิดที่นี่โตที่นี่เราต้องดูแลบ้านของเรา

ขอขอบคุณ : นุสนธิ์บุคส์

ทานวันละ 1 ผล 1 เดือน รอยต่างๆลดลง สัดส่วนดีขึ้น


 

ทานวันละ 1 ผล 1 เดือน รอยต่างๆลดลง สัดส่วนดีขึ้น

เขาว่ากันว่าอะโวคาโดเป็นผลไม้แห่งความสุข เพราะเนื่องจากมีประโยชน์มีสา รอาหารมากมาย ซึ่งในวันนี้เราได้นำประโยชน์เหล่านั้นมาบอกกับเพื่อนๆกัน ว่าหากคุณทานวันละ 1 ผล 1 เดือน จะส่งผลที่ดีต่อร่างกายของคุณ เรามาดูกันเลย

1 ช่วยจัดการคอเล สเ ตอร อล

กรดไขมันที่อยู่ในเนื้อของอะโวคาโด ช่วยลดปริมาณคอเล สเ ตอร อลที่เป็นผลเสียต่อร่างกายและเพิ่มปริมาณซึ่งเป็นคอเล ส เต อร อลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการป้องกันโ ร ค หั ว ใจ บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้จะช่วยลดน้ำ ห นั กได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ที่เป็นเบ าหว า นจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้ ในอะโวคาโด ยังเปี่ยมด้วยวิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามิน เอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี วิตามินซี ดีต่อร่างกายมาก

2 ผลไม้ปลอดสา ร

อะโวคาโดมีเปลือกด้านนอกแข็งและหนา เพื่อป้องกันสิ่งที่ปนของสา ร ทางด้านขององค์กรสิ่งแวดล้อมของสหรัฐระบุว่าระดับสา รพิ ษ ในอะโวคาโดนั้นมีระดับการปนเพียง 1% เท่านั้น หรือเรียกได้ว่าระดับสา รจำนวนน้อยมาก

3 อุดมไปด้วยสา รอาหาร

ไม่ว่าเป็นมีสา รต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซ ล ล์ต่าง ๆภายในร่างกาย ช่วยป้องกันและลดความเสี่ ย งของการเกิดม ะ เ ร็ งได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี, วิตามินเค, วิตามินอิและวิตามินบี อะโวคาโดยังเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดริ้ วร อ ยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ จึงช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี

4 ผลไม้ช่วยลด คว ามอ้ ว น

นักวิจัยแอฟริกาใต้ จึงค้นหาคำตอบ โดยจัดชุดอาหารล ดน้ำห นั กซึ่งมีสัดส่วนของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตี นที่เหมือนกัน ให้กับผู้ทดลองทั้งสองกลุ่ม แตกต่างเพียงกลุ่มแรกมีแหล่งไขมันหลักมาจากอะโวคาโด พบว่าทั้งสองกลุ่มมีน้ำหนั ก ลดลงใกล้เคียงกัน สำหรับกลุ่มที่กิน อะโวคาโด ทุกวัน มีระดับไข มั นร้ายในโลหิตลดลงมากกว่าอย่างชัดเจน ฉะนั้นจึงสรุปว่า อะโวคาโด เป็นอาหารล ดน้ำห นั กได้ดีมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก : liekr

ลักษณะนิสัยคู่ครองของคนมีบุญ ใครมีอยู่น่าภูมิใจ

 

ลักษณะนิสัยคู่ครองของคนมีบุญ ใครมีอยู่น่าภูมิใจ

ลักษณะนิสัยรวมทั้งการใช้ชีวิตของคนเราทุกคนนั้น ล้วนมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต คำพูดคำจา ทัศนคติต่างๆ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจะถูกใจไปหมดทุกข้อก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราได้คู่ครองที่ดีมี นิสัยเหล่านี้ด้วยแล้วก็ นอกจากจะเป็นคนที่โชคดีแล้ว นิสัยเหล่านี้ยังเป็นนิสัยคู่ครองของคุณมีบุญที่จะได้เขาอยู่คู่กัน หากคู่ของคุณมีลักษณะนิสัยนี้นั้น ตัวคุณเองขอให้ภูมิใจเอาไว้เลย

1 มีความอดทน

ในเวลาใดที่มีปัญหาขึ้นมา ตัวเราและคนรักหากรู้จักมีความอดทน ร่วมมือร่วมใจการผ่ านพ้นต่อปัญหาเหล่านั้นไปด้วยกัน ไม่ว่าจะยากแค่ไหน มันคือบทพิสูจน์ความรักของคุณทั้งคู่ที่มีต่อกัน เมื่อคุณผ่ านพ้นไปได้ คุณจะมีความเข้าอกเข้าใจกัน เป็นคู่รักรักความผูกพันที่แน่นแฟ้นได้

2 รักเดียวใจเดียวไม่เจ้าชู้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ หากคุณเจอกับผู้ชายที่มีนิสัยไม่เจ้าชู้ รักเดียวใจเดียว หญิงใดที่ได้ไปครอบครองถือได้ว่าเป็นคนที่โชคดียิ่งกว่าถูกเลข เพราะถ้ามีสามีนิสัยเจ้าชู้ ไม่ว่าจะรักกันมากแค่ไหน รับรองได้ก็อยู่ด้วยกันไม่ยาวนาน

3 มีความรับผิดชอบ

สามีที่ดีการเป็นคนที่มีความรับผิดชอบคอยช่วย เหลือคนรักและคนในครอบครัวไม่มีทางที่ผู้หญิงอย่างเรานั้นจะไม่รักเขามากขึ้นหรอกค่ะ เพราะอย่าลืมว่าอนาคตในวันข้างหน้านั้น คู่ชีวิตไม่ได้เป็นเรื่องแค่คนสองคนเท่านั้นแต่ยังมีคนรอบข้าง มีครอบครัวเรื่องของลู กที่เรา 2 คนนั้นจะต้องรับผิดชอบช่วยกันดูแล

4 ความเสมอต้นเสมอปลาย

เชื่อกันว่าผู้หญิงหลายๆคนต้องเข้าใจว่า ชีวิตหลังจากแต่งงานนั้นไม่ได้มีความหวานและรักกันได้ไปตลอด วันหนึ่ งย่อมมีการจืดจางลงไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่ งที่อยา กให้สามีทั้งหลายรู้ว่าไว้ว่า ความเสมอต้นเสมอปลายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ หากผู้หญิงคนใดที่ได้คู่ครองลักษณะแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ถือเป็นของขวัญอันพิเศษที่คุณจะได้

5 มีอารมณ์ขำ

วิธีการบริหารความรักแบบง่ายๆ จะทำให้ครอบครัวของเราและคู่รักของเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น นั่นคือ การมีอารมณ์ขัน ไม่เพียงแต่จะทำให้ความสัมพันธ์รักมีความยาวนาน แต่ยังทำให้คุณทั้งคู่มีสุขภาพจิตที่ดี แล้วค่อยเป็นกำลังใจส่งให้กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆเข้ามาคุณทั้งคู่ก็จะใช้ชีวิตกันอย่างราบรื่นและมีความสุข

ขอบคุณข้อมูลจาก : sha r e-si

16 สัจธรรมชีวิต สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง


 1. คนงาม งามที่ใจใช่รูปสวย

คนรวยรวยน้ำใจ ใช่เงินหนา คนเก่งเก่งมาได้ด้วยวิชา คนดัง ดังไม่ว่า แต่อย่าลืมตัว

2. ถ้าไม่ชอบ คือไม่ใช่

หากไม่ใช่ คือไม่เอา แต่หากชอบ และ ก็ใช่ ถึงไม่ให้ แํนก็จะเอา

3. หากทุกคนได้ทุกอย่างดั่งที่ตนคิด

สิ้นชีวิตจะเอาของกองไว้ไหน ได้มาบ้าง เสี ยไปบ้าง ช่างปะไร หน้าที่ใคร ทำให้ดีแค่นี้ก็พอ

4. คนจนต้องการบางอย่าง คนโลภต้องการไปทุกอย่าง

5. เดี๋ยวจะทำ วันนี้ยังไม่ว่าง

เดี๋ยวค่อยทำ งานต่าง ๆ ยังมากล้น เดี๋ยวค่อยทำ เป็นข้ออ้าง ของบางคน พาอับจน เพราะคำเดียว เดี๋ยวจะทำ

6. เวลาไม่ได้ทำให้ใครเสี ยคน แต่ใครบางคนต่างหาก ที่ทำให้เสี ยเวลา

7. เวลาน้ำเข้าตา มันจะเจ็ บ ที่ตา แต่เวลาน้ำออกตา มันดันไปเจ็ บที่ใจ

8. แลกเงินคนละบาท ก็ได้คนละบาท

แต่แลกความคิดคนละ 1 ความคิด ได้ถึง 2 ความคิด

9. ชีวิตนี้ จะมีคุณค่า หากเกิดมา แล้วมีหน้าที่

มีแล้วต้องทำให้ดี ไม่ใช่มีหน้าที่อยู่ ไปวันวัน

10. มี 4 สิ่งในโลก ที่เงินซื้อไม่ได้ ชีวิต ความรัก เวลา และมิตรแท้

11. ความสุข.. เมื่อแบ่ ง ปั น กัน ก็จะเพิ่ม เป็น 2 เท่า ความทุ กข์ถ้าแบ่ ง ปั น กัน ก็จะลดลงครึ่งนึง

12. ไม่มีคำแนะนำของผู้ใดที่ไ ร้ ค่าไปเสี ย หมด แม้แต่ นาฬิกา ต า ย มันยังตรงเวลา ถึงวันละสองครั้ง

13. ความทุ กข์ เกิดขึ้นจริง ๆ เพียงครั้งเดียว แต่ความคิด เกิดวนเวียนซ้ำนับพันครั้ง

14. Impossible เท่ากับ I’m possible

เมื่อตัวเราเดินหน้า คำว่า “เป็นไปไม่ได้” สักวันนึงก็จะ “เป็นไปได้”

15. ส า ร ภาพผิ ด ลดโท ษ ลงกึ่งหนึ่ง ส า ร ภาพรัก เพิ่มความคิดถึงเป็นสองเท่า

16. “ส ม อ ง” จำอะไรไม่ได้ แต่.. “ใจ” นั้น จำได้แม่น

เมื่อเรามีคู่ชีวิตที่ดี ย่อมต้องมีศีลที่เสมอกันด้วย

 

ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ความรักเท่านั้น ที่ทำให้ชีวิตคู่ของคุณอยู่ตลอดรอดฝั่งได้ หลายๆคอยหาคนรักที่ดี แต่บางคนมีความรักก็ไม่ได้คู่รักแบบที่คิดไว้ การมีคู่ชีวิตที่ดีต้องมีศีลเสมอกันด้วย

การที่เรามีคู่ดี เราดูได้จาก ศีลและสติปัญญา มีบุญวาสนาที่เท่ากัน จึงเรียกว่า “คู่ดี” แต่ถ้าเรามีคู่แล้วแต่ต้องอยู่บนความกังวลใจ ความวิตกกังวล มันไม่ได้เรียกว่าคู่ดีแต่นั่นเรียกว่า “คู่ เ ว ร คู่ ก ร ร ม”

สักวันหนึ่ง ที่เราหมดบุญแก่กัน ถึงเวลาก็ต้องแยกจากกัน เราไม่สามารถยื้อเวลาเหล่านั้นไว้ได้ การฉลาดในการเลือกคู่ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสบายใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น คนรอบข้าง การเป็นตัวของตัวเอง แบบที่ไม่ต้องเ ส แ ส ร้ ง แบบที่ไม่ต้องมานั่งประดิดประดอย ยอมรับในข้อเสี ยของอีกฝ่ายได้

ถ้าคุณสองคนมีตรงนั้น ความรักของคนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็ย่อมยั่งยืน อยู่ด้วยกันได้นาน ไม่หนีห ายไปไหนย ามที่ทุ กข์หนัก ไม่ปล่อยให้อีกฝ่าย ต้องเผชิญ ” ปัญหาโดยลำพัง ” ถ้าในชีวิตนี้ เราเจอคนแบบนั้น

คนที่รักเราโดยไม่รั ง เ กี ย จ การกระทำ ที่ไม่ดีของเราแล้วก็จงรักษาเขาไว้ให้ดี นอกจากพ่อแม่แล้ว จะหาใครที่ไหนที่รักเรา และยอมรับในตัวเรา ได้เช่นนั้น

ในชีวิตของคนเรา เราจะเจอคนเช่นนี้ไม่กี่คนหรอก บางคนเจอ แค่ครั้งเดียวในชีวิต บางคนไม่เจอ แต่ถ้าเจอแล้ว.. อย่าเอากิเล ส ความหลง .. ความเบื่ อหน่ายนำทาง เพราะอารมณ์ชั่ ววูบประเดี๋ยวประด๋าว ทำให้ชีวิตต้องสู ญ สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตไป มันไม่คุ้มหรอก

ขอขอบคุณ นามบุญ

การที่เราเจอกันได้เป็นเพราะпรรม มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


 กร ร ม นั้นจะพาคนทั้งสองมาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่ง และหากหมดก ร ร ม ไม่อย ากจากคงต้องจาก

สิ่งไหนที่เราทำมา ไม่อย ากเจอก็ต้องเจอ ไม่อย ากจากก็ต้องจาก นี่แหละหนา ที่เรียกว่า ก ร ร ม

ฉะนั้น การที่เราโดน กระทำ จากคนอื่น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นผลของกร ร ม ที่เราทำมาก่อนนี้

ถึงจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ย าก เพราะอยู่นอกเหนือวิสัยของคน ที่จะรับรู้ได้

เสมือนแร งโน้มถ่วง ที่ดึงเราไว้บนพื้นโลกโดยที่เราไม่รู้สึกตัว หรืออากาศ ถึงจะมองไม่เห็นซึ่งก็มีอยู่จริง

เว รกร ร ม ก็เหมือนกัน ทุกการกระทำนั้นมีผลลัพธ์อยู่แล้ว ถึงเราจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม

เมื่อเราเข้าใจแล้ว ไม่อย ากที่จะสร้างกร ร ม กับเขาต่อไป ไม่อย ากให้เขามาทำร้ ายอีก

เราก็ต้องหัดที่จะให้อภัย ปล่อยเขาออกจากใจ เลิกสร้างกร ร ม

ส่วนตัวเขาจะสำนึกมั้ย ให้คิดซะว่า เราให้อภัยเราได้บุญ

ส่วนเขาก็คงจะได้รับกร ร ม ที่เขาทำ โดยที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา

เหมือนคำที่ว่า “บุญใคร..กร ร ม มัน”

ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า ความบังเอิญนั้นไม่มีจริง

เพราะทุกสิ่งล้วนต้องมีที่มาที่ไป นั่นคือ ตัวกร ร ม ที่นำพามา

แต่เมื่อพามาเจอกันแล้ว หลังจากนั้นคือ เราเองจะเป็นคนกำหนด

กำหนดให้ดีก็ร่วมกันทำดี จะกำหนดให้มันแ ย่ ก็ทำร้ ายซึ่งกันและกัน ก็อยู่ที่เรา

การพบเจอกันในปัจจุบัน คือผลของกร ร ม ในอดีตที่ผ่านมา

แต่ชีวิตจะเป็นยังไง ในอนาคต คือผลของกร ร ม ที่เราทำในวันนี้

ขอขอบคุณ ธรรมทาน

จงเลือกรักคนที่ส่งเสริมคุณ ทำให้ชีวิตคุณก้าวหน้าขึ้น

 

คนเราทุกคนยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งอย ากพบเจอคนดี ๆ อย ากจะมีรักดี ๆ กับเขาบ้าง

คิดจะมีความรักทั้งที “ชีวิตเราก็ต้องดีขึ้น”

ถ้ามีแฟนแล้วไม่มีความสุข จะมีไปทำไม ?

ถ้ามีแฟนแล้วมาเป็นภาระ จะมีไปทำไม ?

ถ้ามีแฟนแล้วไม่สบายใจ จะมีไปทำไม ?

เลือกแฟน ต้องเลือกตั้งแต่แรก ไม่ใช่คบกัน แล้วมาหวังให้เค้าเปลี่ยนนิสัย

คงจะทำได้ย าก อย ากมีแฟนแบบไหนจงเลือกเอา หาดีไม่ได้ ไม่ต้องมีก็ได้

เลือกคนที่มีทัศนคติที่ดี จริงใจ เรียบง่าย มีอนาคตที่สดใส ขยันทำงาน ช่วยกันทำมาหากิน

เลือกในสิ่งที่จะไม่ทำให้เราเจ็ บ ป ว ด สิ่งไหนที่คิดว่าตัวเองจะเจ็ บ ก็อย่าไปเลือกมันตั้งแต่แรกเลย

เมื่อรู้ว่าเขาเจ้ า ชู้ ก็ไม่ต้องคุยตั้งแต่แรก เมื่อรู้ว่าเขาชอบเที่ยว ถ้าคุณไม่ชอ บ ก็ไม่ต้องเลือกเขา

ทุก ๆ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนมากความผิ ดพล าดก็มาจากตัวคุณเองนั่นแหละ

จงเลือกคนที่เขาเป็นความสุขให้กับเรา จงเลือกคนที่เขาเป็นความสบายใจ จงเลือกคนที่เขาให้กำลังใจ และส่งเสริมคุณ

คนที่เราอยู่ด้วยแล้วจะก้าวหน้า ไม่ใช่บอกว่ารักกันไปวัน ๆ อยู่ด้วยกันไปวัน ๆ แต่ไม่ทำสิ่งใดให้ดีขึ้น

ขอขอบคุณ อ่ านสนุก

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...