ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

น้ำจิ้มปลาเผาเกลือ 4 สูตร อร่อยเด็ด ทำง่าย


นอกจากปลาช่อนเผาเกลือ เนื้อปลาหอมหวานอร่อยแล้ว รสชาติจะอร่อยสูตรเด็ดแค่ไหนนั้น น้ำจิ้มเป็นตัวสำคัญ ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยเด็ดให้กับปลาเผาขึ้นมาทันที ที่มีทั้งน้ำจิ้มเผ็ดหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม แซ่บสะใจ หรือจะน้ำจิ้มแจ่วที่มีรสจัดจ้านแต่กลมกล่อม ออกหวานอมเปรี้ยว หรือจะน้ำพริกหนุ่มรสชาติกลมกล่อม ก็อร่อยเข้ากันดีนัก สำหรับสูตรน้ำจิ้มปลาเผาเกลือที่เรา zabwer.com นำมาฝากนี้ มีทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำพริกหนุ่ม เน้นทุกสูตรเป็นสูตรทำง่าย ใช้วัตถุดิบน้อย ใช้เวลาน้อยอีกด้วย แต่รสชาติความอร่อยแซ่บเวอร์นั้นมิได้น้อยน่าใครเลย อร่อยและทำได้ง่ายแบบนี้ห้ามพลาดครับ


น้ำจิ้มซีฟู้ด

น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดนั้น ควรมีรสชาติเปรี้ยวนำ เค็มตาม หวานและเผ็ดกลมกล่อม ส่วนความเผ็ดนั้นอยู่ที่ระดับกลางๆ สามารถรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งเมนูเผา ย่าง ลวกหรือนึ่ง ก็อร่อยไม่แพ้กันครับ สำหรับสูตรนี้มีน้ำตาลทราย น้ำปลา มะนาว พริก กระเทียม ผักชี เอามาปั่นหรือผสมรวมกัน ก็ได้น้ำจิ้มซีฟู้ดทานกับปลาเผาแล้ว


ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
พริกขี้หนูสวนสีเขียวสด 20 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือกซอย 5-6 กลีบ
ผักชีพร้อมรากหั่น 1 ต้น
ใบโหระพา 10 ใบ (ใส่หรือไม่ใส่ ก็ได้ครับ)
น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ (น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ+ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. หั่นต้นผักชีพร้อมรากผักชี กระเทียม ให้เป็นชิ้นเล็กๆ

2. ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม ผักชีพร้อมราก และใบโหระพา ทั้งหมดให้ละเอียด เทใส่ในชาม

3. เติมน้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว คนให้เกลือละลาย ปรุงรสให้แซ่บสะใจ เปรี้ยว เค็ม หวาน
**หากต้องการให้สีน้ำจิ้มมีสีเขียวมากขึ้น ให้เน้นใบผักชีมากกว่าต้นผักชี
**น้ำจิ้มซีฟู้ด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน

น้ำจิ้มแจ่ว

น้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดรสแซ่บของชาวอีสานบ้านเฮานั้น ควรมีรสกลมกล่อม หวานอมเปรี้ยว รสจัดจ้าน เป็นน้ำจิ้มรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะปลาย่าง ปลาเผา ปลานึ่ง หรือเนื้อย่าง เนื้อปิ้ง หรือแม้แต่จิ้มกับอาหารที่ไม่อร่อย รสจืด ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วก็จะเกิดความอร่อยขึ้นมาทันที น้ำจิ้มแจ่ว 2 สูตรนี้เป็นสูตรทำง่าย รสชาติอร่อยใช้ได้ เน้นสะดวกทำแป๊บเดียวได้ทานแล้ว เครื่องปรุงและวิธีทำก็ตามนี้เลยครับ

น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 1
พริกคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยวก็ใส่น้ำมะนาวเพิ่ม)
หอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (ปริมาณตามชอบ)

น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 2
พริกคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลด ตามชอบครับ)
ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
(หรือจะใส่ทั้งหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไปด้วยก็ได้…เพิ่มหรือลดตามชอบครับ)

วิธีทำ (ทั้ง 2 สูตร)
1. นำเครื่องปรุงทุกชนิด (ยกเว้นน้ำมะนาว และผักซอยต่างๆ) ใส่ลงในชาม ผสมละลายให้เข้ากัน

2. เติมรสเปรี้ยวด้วยการบีบมะนาวลงไป ค่อยๆ เติมที่ละนิดพร้อมกับชิมไปด้วย ถ้าไม่เปรี้ยวให้เติมลงไปอีกจนได้รสชาติตามใจชอบ

3. ตามด้วย โรยหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (เพิ่ม/ลดได้ ปริมาณตามชอบ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้านแล้ว

น้ำพริกหนุ่ม

น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกของชาวเหนือ ประกอบด้วยพริกหนุ่ม หัวหอมเผา กระเทียมเผา รสชาติกลมกล่อม ลองหานำมารับประทานดู ทานคู่กับปลาเผาและผักต้ม ผักลวก รับรองว่าคุณหรือใครจะไม่ผิดหวัง

ส่วนผสม
พริกหนุ่ม 10-12 เม็ด
หอมแดง 6 หัว
กระเทียมเม็ดใหญ่ 6 กลีบ
น้ำปลาอย่างดี 1-2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา

วิธีทำ
1. เอาพริก กระเทียม หอมแดงมาย่างไฟ ให้หอม (แต่อย่าลืมล้างทำความสะอาดพริกก่อนเอามาย่าง)

2. เคล็ดลับนิดหนึ่งของการย่าง ถ้าใช้เตาถ่านจะมีกลิ่นหอมกว่าไปย่างบนเตาแก๊ส พอย่างได้ที่ก็ไปแกะเปลือกออก สำหรับพริกเมื่อสุกเราจะลอก ในส่วนที่ไหม้ ๆ ดำ ๆ เอาออก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาไส้พริกออกบ้างก็จะลดความเผ็ดลง

3. มาเริ่มตำน้ำพริกหนุ่ม โดยรองก้นครกด้วยเกลือนิดนึง แล้วนำกระเทียมและหอมแดงใส่ในครก ตำให้เข้ากันจนกระทั่งละเอียดพอ

4. จากนั้นนำพริกหนุ่มที่เผาแล้วหั่นใส่ลงไปในครก (เพื่อสะดวกในการตำ) ตำจนกระทั่งพริกละเอียดพอ…ว่าจะเอาหยาบ หรือแหลกละเอียด ตามชอบเลยครับ

5. เมื่อตำได้ที่แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตักใส่จานเป็นอันเสร็จ

** บางสูตรใส่ปลาร้าด้วยแต่จริง ๆ ทางภาคเหนือเลยจะไม่ใส่ หากทานเผ็ดไม่เก่ง ให้นำเม็ดพริกออก หรือนำมะเขือยาวมาเผาลอกเปลือกมาผสมด้วยก็ได้ **


เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

ปลาช่อนเผาเกลือเนื้อหอมหวานอร่อย พร้อมสูตรน้ำจิ้มปลาเผารสเด็ด


ปลาช่อนเผาเกลือ” (Salt-Crusted Grilled Fish) เป็นอีกเมนูปลาที่ใช้เครื่องปรุงน้อยไม่ต้องหมักหรือปรุงแต่งอะไรมาก เพราะเนื้อปลาช่อนมีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว แค่มีปลาช่อนตัวโตมาพอกเกลือให้ทั่ว ดับกลิ่นคาวปลาด้วยตะไคร้หรือผักสมุนไพรอื่นๆ แล้วนำไปย่างด้วยไฟกลางๆ จนกระทั่งสุก พร้อมเสิร์ฟร้อนๆกับน้ำจิ้มรสเด็ดแซ่บๆ ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว น้ำพริกหนุ่มก็ได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าได้ผักมาทานเคียงด้วยแล้วยิ่งอร่อยข้ากันดีนัก ส่วนน้ำจิ้มปลาเผาก็ทำง่ายๆครับ…วัตถุดิบก็พื้นๆมีในครัวตู้เย็นทั้งนั้น
เมื่อพูดถึง “ปลาเผาเกลือ” นอกจากจะใช้ปลาช่อนได้แล้ว เรายังสามารถใช้ปลาทับทิม ปลานิล หรือแม้แต่ปลากระพงขาว ปลาหมอ ปลาสำลีก็ได้ครับ แล้วแต่ใครจะหาปลาชนิดไหนมาทำได้ ที่นิยมกันก็เป็นปลาช่อน ปลาทับทิม ปลานิลครับเพราะหาซื้อง่ายกว่าปลาชนิดอื่น ส่วนรสชาติเนื้อปลาต่างๆมีความหวานตามธรรมชาติ มีเสน่ห์แตกต่างกัน อันนี้แล้วแต่ความชอบ ส่วนผมชอบทานปลาช่อนกับปลาทับทิมเผาเกลือครับ…สำหรับสูตรวิธีทำ”ปลาช่อนเผาเกลือ เนื้อปลาหอมหวานอร่อย”ที่ zabwer.com นำมาฝากนี้ เป็นสูตรที่สามารถทำกินเองได้อร่อย และเป็นสูตรทำขายก็ขายดีครับ (เพราะที่เขาทำขายก็ทำแบบนี้ล่ะครับ) มีสูตรและขั้นตอนแบบละเอียดตามนี้เลย...

ปลาช่อนเผาเกลือ

เครื่องปรุง
  • ปลาช่อนสดตัวอ้วนๆพอประมาณ (ขนาด 8-10 ขีดกำลังดี) 1 ตัว
  • เกลือป่นแบบธรรมดา (สำหรับพอกตัวปลา) 4 ห่อ
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้หอมๆต้นอวบๆ 2 ต้น
  • (หรือจะใส่สมุนไพรอื่นๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก ลงไปด้วยก็ได้ เพื่อดับกลิ่นคาวปลา ก็ตามสบายครับ)
เครื่องเคียงที่กินคู่กับปลาเผา
  • มะเขือยาว (เลือกลูกอ่อนๆ) แล้วก็นำมาเผาไฟให้สุก ลอกเปลือกออกตอนร้อน ๆ ใช้กรรไกรตัดเป็นท่อน ๆ เสิร์ฟคู่กับปลา
  • ประกอบด้วย เส้นขนมจีนเส้นสด, ทั้งผักสดหรือผักต้มต่างๆ เช่น มะเขือยาว, ผักกาดหอม, ผักกาดขาว และใบชะพลู ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ผักขึ้นฉ่าย ส่วนผักแกล้ม ก็มีใบสะระแหน่, โหระพา และแครอท เป็นต้น
วิธีทำปลาช่อนเผาเกลือ
  1. นำปลาช่อนมาล้างทำความสะอาด ผ่าท้องควักไส้ แต่ไม่ต้องขอดเกล็ด (ปกติถ้าซื้อปลาตามตลาดทั่วไป เค้าจะทำมาให้ด้วย เพียงเราบอกแม่ค้าว่าจะเอาไปทำอาหารอะไร…เขาก็จะทำปลาที่เราซื้อให้ตามที่เราต้องการแล้วครับ) 
  2. นำปลาไปล้างให้สะอาด ทั้งในปาก ในเหงือก โดยเปิดก็อกน้ำแรงๆ ใส่เข้าไป อ้าปากปลา เหงือกปลา เพราะจะมีขี้โคลนอยู่ด้านใน ส่วนท้องก็ล้างให้สะอาด ถ้ามีเมือก ลื่นๆ เยอะๆ ให้เอาเกลือถูสัก1-2 รอบ ก็ได้ครับ (เพื่อกำจัดเมือกและกลิ่นเหม็นคาวปลาให้หมด) แล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง พักพอสะเด็ดน้ำ 
  3. นำตะไคร้มาล้าง ตัดโคนให้แหลมนิดหน่อย แล้วทุบพอแตก ยัดเข้าไปในปากปลาช่อนดันเข้าไปลึกๆจนสุดตัวปลา เพื่อดับกลิ่นคาว 
  4. ให้นำเกลือป่นกับแป้งสาลีมาผสมให้เข้ากัน (เพื่อให้เกลือเกาะติดตัวปลาง่ายขึ้น) 
  5. นำเกลือที่เตรียมไว้มาเทใส่กระบะหรือถาด แล้วเอาเกลือพอกย้อนเกล็ดปลาจากหางไปทางหัวปลา พยายามกดให้แน่น ๆ ให้เกลือแทรกเข้าไปในเกล็ดปลานะครับ (เคล็ดลับคือ ปลาต้องเปียกก่อนโรยเกลือ ไม่งั้นเกลือจะไม่เกาะ) แล้วพอกเกลือให้หนาและมิดตัวปลา (เกลือจะช่วยให้โปรตีนในเนื้อปลาอุ้มน้ำไว้ ไม่ให้ไหลออกมา ทำให้เนื้อปลานุ่มหวานอร่อย) แล้วทิ้งไว้ 20 นาที ก่อนจะนำไปย่าง 
  6. ตั้งเตาใส่ถ่านจุดไฟให้พร้อม พอถ่านเเดงจนเกือบทั่วทั้งหมด ให้เกลี่ยถ่านให้ทั่ว นำตะแกรงย่างวางบนเตา จากนั้นก็นำปลาขึ้นไปย่าง…ควรใช้ไฟกลางก็พอครับ (ไฟถ่านอย่าแรงมาก เพราะปลาจะไหม้นอกแต่ไม่สุกใน…ไฟอ่อนเกินไปเนื้อปลาก็ไม่สุกสักที) 
  7. แล้วก็เผาปลา…ประมาณ 30-60 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาดตัวปลา และความแรงของไฟ) พอเห็นเกลือและหนังปลาเริ่มสุก ไหม้หน่อย…ก็แสดงว่าสุกแล้ว ยกออกจากเตาได้เลยครับ 
    • เทคนิควิธีเผาปลาง่ายๆครับ เผาไปได้สักพัก…แต่ยังไม่ถึงกับสุกจึงค่อยกลับด้าน คือเอาแค่ด้านที่ถูกความร้อน ให้เกลือเป็นสีขาวเข้มพอ แล้วค่อยกลับด้าน เพราะถ้าจะรอให้สุกด้านนึงแล้วค่อยกลับด้าน อาจจะทำให้ปลาไหม้ได้ แต่ถ้ารีบกลับด้านโดยที่เกลือยังสีใสๆอยู่ จะทำให้เกลือหลุด ไม่เกาะเกล็ดปลาครับ 
    • แล้วหมั่นคอยพลิกปลาด้วยนะครับ อย่าให้ปลาไหม้ จะดำและไม่น่าทาน สังเกตุง่ายๆเวลาปลาสุกแล้วจะมีกลิ่นมาก่อนเลยครับ สักพักจะมีน้ำใสๆไหลออกมาจากตัวปลา ท้องปลา แต่ที่สุกยากที่สุดคือส่วนหัวครับ ถ้าหัวสุกต้องมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากปากครับ แต่อย่าพึ่งเอาขึ้นนะครับ ให้มันไหลจนเกือบแห้งเลยจึงจะนำขึ้นจากเตา...
    8.  ลอกเกลือและหนังปลาออก ตักเนื้อปลา นุ่ม ๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำจิ้มแจ่ว หรือน้ำพริกหนุ่ม ทานพร้อมผักพื้นบ้านอื่นๆ


วิธีสังเกตุดูว่าปลาเผาสุกแล้วหรือยัง

ให้เราลองเอาไม้แหลมๆ…เช่น ไม้ลูกชิ้นแทงเข้าไปในเนื้อปลาดูนะครับ
  • ถ้าทิ่มไปแล้ว ปรากฎว่าน้ำแดงๆ ในตัวปลาไหลออกมา แสดงว่าปลายังไม่สุกครับ ต้องย่างต่ออีกนิดนึง (อาจจะสัก 5 นาที) 
  • แต่ถ้าทิ่มไปแล้วรู้สึกว่าเนื้อปลานิ่ม ๆ แต่ไม่มีน้ำในตัวปลาไหลออกมา แสดงว่า "ปลาสุกกำลังดี" ครับ 
  • แต่ถ้าทิ่มไปแล้ว มันให้ความรู้สึกประมาณว่าทิ่มได้พรวดรวดเดียวถึงกระดูกกลางของตัวปลา และไม่มีน้ำอะไรไหลออกมาเลย แสดงว่า "ปลาสุกเกินไป (แห้ง)" แล้วล่ะ .. อันนี้ต้องรีบเอาลงครับ 

สูตรน้ำจิ้มปลาเผาแซ่บๆ แบบง่ายๆ

ปลาช่อนเผา” จะเด็ด /ไม่เด็ด หัวใจสำคัญของอาหารชนิดนี้ เรียกว่า อยู่ที่ “น้ำจิ้มรสเด็ด” จะมีทั้งน้ำจิ้มเผ็ด หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม จัดจ้านแซ่บสะใจ หรือจะน้ำจิ้มแจ่วที่มีรสกลมกล่อม หวานอมเปรี้ยว สำหรับวิธีทำน้ำจิ้มปลาเผาสูตรเด็ด ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำพริกหนุ่ม มีสูตรเด็ดเคล็ดลับตามนี้เลยครับ: น้ำจิ้มปลาเผาเกลือสูตรเด็ด รสแซ่บ แบบง่ายๆ

เกร็ดน่ารู้ : ระหว่างปลาย่าง /กับปลาเผา…คุณว่าเหมือนกันไหม
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า”ปลาย่าง” กับ “ปลาเผา” นั้นเป็นเมนูเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว…มันเป็นคนละเมนูอาหารกันนะครับ ปลาย่างต่างจากปลาเผาครับ...
  • ปลาย่าง เป็นการทำปลาให้สุก...ด้วยการนำปลาไปวางไว้เหนือเตาไฟที่ใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง/ หรืออาจจะมีภาชนะรองรับตัวปลาเอาไว้ด้วยก็ได้...เช่น ปลาช่อนห่อฟอยย่าง (วางเหนือเตาไฟ) 
  • ปลาเผา เป็นการทำปลาให้สุก...ด้วยการนำปลาไปวางไว้เหนือเตาไฟแต่ใช้ไฟแรงกว่าย่าง...เปลวไฟอาจถึงเนื้อปลา...เพราะฉะนั้นการเผาจึงต้องมีกรรมวิธีที่ทำให้อาหารยังคงคุณค่าและรสชาติเอาไว้...เช่น การเผาปลาจะใช้เกลือทาให้ทั่วตัวปลาและมากพอ เกลือจะช่วยให้โปรตีนในเนื้อปลาอุ้มน้ำไว้ ไม่ให้ไหลออกจากตัวปลา เนื้อปลาที่เผาจะยังคงรสชาติดี...แต่หากใช้ปลาเผาทั้งตัวเผา หนังและเนื้อปลาอาจไหม้ได้ น้ำจากตัวปลาจะหยดทิ้งไประหว่างการเผา จึงทำให้ปลาเผานั้นเสียรสชาติ ขาดความอร่อย และดูไม่น่ารับประทาน 
(ข้อมูลจาก: http://www.isangate.com/local/food_03.html)



ทีนี้ก็คงจะทราบกันแล้วนะครับ…ว่าทำไมปลาเผาถึงต้องทาเกลือให้ทั่วตัวปลาก่อนนำไปเผา (^_^) ...สำหรับเมนู ปลาช่อนเผาเกลือพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดครัว zabwer.com ก็จบลงเพียงเท่านี้ เผื่อว่าท่านใดอยากทานปลาเผา ก็ขอเรียนเชิญตามสบายนะครับ (^_^)

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง พร้อมเทคนิคเจียวไข่ชะอมให้อร่อย

เมนูอาหารไทย แกงส้ม ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง แกงส้มมะละกอปลา แกงส้มผักรวม แกงส้มแป๊ะซะ ถือว่าเป็นอีกเมนูที่ได้รับความนิยม เป็นอาหารจานโปรดของหลายๆ คน เมนูอาหารแกงส้มขั้นตอนการทำนั้นไม่ยุ่งยากอะไร แต่การทำให้อร่อยนั้น ต้องฝึกทำ ลองชิมลองปรุงรสด้วยตนเอง เนื่องจากแต่ละคนก็ชอบรสชาติที่ต่างกันออกไป แกงส้มถือเป็นเมนูที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ วันนี้เรา zabwer.com มีสูตรแกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง ที่รับรองว่าอร่อยเด็ดแน่นอนมาฝากทุกท่าน


 ส่วนผสม น้ำพริกแกงส้ม
  • พริกแห้ง 12-15 เม็ด (20 กรัม)
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • หอมแดง 5 หัวเล็ก
  • กระเทียมกลีบ 6 กลีบ
  • กระชาย 3 ราก
  • กะปิ 1 ช้อนชา
  • เนื้อปลาต้มสุก 1 ถ้วย  (150 กรัม)
วิธีทำ น้ำพริกแกงส้ม
  1. เด็ดขั้วพริกออก หั่นซอยพริก หอมแดง กระเทียม กระชายให้เป็นชิ้นหยาบๆ เตรียมไว้
  2. หากใช้ปลาสดให้นำปลาไปลวกในน้ำร้อนให้สุก จากนั้นแกะเอาแต่เนื้อ เอาก้างออกให้หมด แต่หากใช้ทูน่ากระป๋องสามารถนำไปใช้ในขั้นถัดไปได้เลย
  3. โขลกพริก หอมแดง กระเทียม กระชายซอยหยาบ กับเกลือป่น ตำให้ละเอียด จากนั้นใส่กะปิ เนื้อปลาสุก โขลกให้เข้ากันดี เป็นอันเรียบร้อย ได้พริกแกงส้มเตรียมไว้ใช้ในขั้นถัดไป

เครื่องปรุงและส่วนผสม แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง
  • กุ้งสดขนาดกลาง 8-10 ตัว หรือประมาณ 200 กรัม (ทำความสะอาด, ปอกเปลือกให้เรียบร้อย)
  • ชะอม 1 กำมือหรือประมาณ 1 ขีด (เอาเฉพาะใบใช้ทำไข่เจียวชะอม)
  • ผักกาดขาวหรือผักชนิดอื่นก็ได้แล้วแต่ชอบ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)
  • พริกแกงส้ม 1 ถ้วยหรือประมาณ 1-2 ทัพพี
  • น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด

ขั้นตอนและวิธีทำ
  1. ล้างกุ้งให้สะอาด แกะหัวกุ้งและเปลือกออก ผ่าหลังชักเส้นดำออก เตรียมไว้
  2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จากนั้นใส่น้ำพริกแกงส้ม ใช้ทัพพีคนพริกแกงส้มให้ทั่ว รอจนเดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขาม เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ (ใช้น้ำตาลทรายแทนก็ได้ แต่ใช้น้ำตาลปี๊บจะได้รสชาติแกงส้มที่กลมกล่อมกว่า) คนน้ำแกงให้เข้ากัน ชิมรสให้มีรสเปรี้ยวนำ เค็ม หวาน 
  3. จากนั้นหั่นหรือฉีกผักกาดขาวเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในน้ำแกง (อาจจะใส่ผักชนิดอื่นก็ได้ ตามแต่ใจชอบ หรือไม่ใส่ผักก็ได้หากชอบทานเฉพาะไข่ชะอมอยู่แล้ว ข้ามไปขั้นตอนถัดไปได้เลย)  
  4. เติมกุ้งสดลงไปในขณะน้ำแกงเดือด พอกุ้งใกล้สุกให้ใส่ไข่เจียวชะอมทอดที่หั่นเตรียมไว้ (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูหัวข้อด้านล่าง) รอจนกุ้งสุก จึงปิดไฟ เติมน้ำมะนาวเพิ่มหากชอบรสเปรี้ยว เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ (สูตรนี้ สำหรับรับประทาน 2-3 ท่าน)
ภาพ: (คุณวาระหนึ่ง ซึ่งไม่นาน pantip.com)

วิธีทำไข่เจียวชะอม เพิ่มรสชาติแกงส้มให้อร่อย :
         แกงส้มชะอมไข่จะอร่อยเพิ่มขึ้น เราจะต้องทอดไข่ชะอมให้กรอบ ฟู และเกรียมนิดๆ (แต่อย่าให้ไหม้เกรียมมากจะไม่อร่อย) เพราะจะช้วยให้น้ำแกงส้มมีกลิ่นหอมมากขึ้น รวมทั้งไข่ชะอมจะดูดซับน้ำแกงส้มได้ดี เวลาเคี้ยวจึงรู้สึกอร่อยเต็มคำ วิธีทอดไข่ชะอม มีดังนี้
  1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
  2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว เติมน้ำมะนาว น้ำปลา เกลือป่นสักเล็กน้อย คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี 
  3. เทไข่ลงในกระทะที่ใส่น้ำมันตั้งไฟพอร้อน ทอดไข่ชะอมให้เป็นแผ่นเหลืองทั้ง 2ด้าน พอไข่สุก นำออกมาสะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ พอดีคำ  เตรียมไว้นำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม 

เคล็ดลับความอร่อย
  • เนื้อปลาที่นำมาผสมกับพริกแกงส้มต้องล้างให้สะอาดและนำไปลวงให้สุกในน้ำเดือด ไม่อย่างนั้นจะทำให้แกงส้มมีกลิ่นคาวปลา
  • สามารถเปลี่ยนจากกุ้งเป็นเนื้อปลา เช่น ปลาช่อน หรือปลาอื่นๆ แทนได้ อร่อยเช่นกัน เนื้อปลาหรือกุ้งจะต้องสด ไม่เหม็นคาว และเวลาปรุงต้องใส่เนื้อปลาหรือกุ้งในขณะที่น้ำแกงเดือด จะช่วยลดกลิ่นคาว

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

รวม 4 สูตรขนมจีบรสเด็ด พร้อมเคล็ดลับเพิ่มความอร่อยแซ่บเวอร์


ขนมจีบ (Shumai) หรือเรียกอีกอย่างว่า Chinese Steamed Dumpling ก็ได้ การทำขนมจีบ ไม่ว่าจะเป็นขนมจีบหมู กุ้ง ไก่ หมึก ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้อร่อยนั้นต้องมีเคล็ดลับ เทคนิคกันหน่อย ทำอย่างไรให้ใส้ขนมจีบนุ่มหนึบ แป้งเกี้ยวขนมจีบไม่แข็ง มีรูปทรงสวย นึ่งแล้วขนมจีบไม่เละ อ่านบทความนี้เสร็จรับรองขนมจีบท่านจะอร่อยแซ่บเวอร์แน่นอน โดยบทความนี้เรา zabwer.com ได้รวมเอาสูตรขนมจีบแบบต่างๆ หลายสูตรด้วยกันให้ท่านเลือกตามชอบ พร้อมทั้งบอกสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ทำให้ขนมจีบอร่อย ชนิดที่สามารถทำขายได้สบาย  


สูตรที่1

สูตรนี้เป็นขนมจีบใส้หมูผสมกุ้ง  

ส่วนผสมและเครื่องปรุง 
  • หมูบดแช่ช่องฟรีซเย็นพอเป็นเกล็ดน้ำแข๋ง 3-4 ขีด 
  • กุ้งสดหั่นชิ้น 1-2 ขีด 
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง 
  • ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 
  • เกลือ ½ ช้อนชา 
  • ซุปผงปรุงรส 1 ช้อนชา 
  • พริกไทยป่น 1 ช้อนชา 
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ 
  • แผ่นเกี๊ยว 2 ห่อ
วิธีทำ
  1. เริ่มจากนำหมูบดใส่ครก ตามด้วยตอกไข่ไก่ใส่ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เกลือ ซุปผงปรุงรส และพริกไทยป่น
  2. เพื่อที่จะทำให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากันดี ให้ค่อยๆ โขลกหมูในครกให้เข้ากับส่วนผสมอื่นๆ จนเนียนเหนียว และหนึบเด้งดึ๋งเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ข้อดีอีกอย่างของการโขลกในครกแทนการนวดด้วยมือ คือ ความเย็นของหมู และการนำมาตำในครกจะทำให้หมูเหนียวเนียนนุ่มจับตัวดีโดยไม่ต้องใส่แป้งช่วย
  3. ตักหมูที่โขลกและปรุงรสจนได้ที่แล้วออกมาใส่ชามใหญ่ๆ หรือกะละมังสแตนเลสก็ได้ เพื่อผสมส่วนผสมอื่นต่อ
  4. ใส่กุ้งสดหั่นชิ้น ต้นหอมซอย และน้ำมันงา ถ้ามีไข่กุ้งจะใส่ผสมลงไปเพื่อเพิ่มความกรุบของไส้ก็ใส่ตอนนี้ได้เลย ส่วนน้ำมันงาใส่เพิ่มความหอม (โดยจะที่ไม่ใส่ตอนโขลกหมูในครก เพราะหมูจะเละและไม่เหนียวเนียนเข้ากันดี)
  5. คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันประมาณหนึ่งนาที
  6. ตักไส้ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะลงบนแผ่นแป้งเกี๊ยว เสร็จแล้วก็จับจีบแป้งเกี๊ยวให้สวย บีบให้แน่นสักเล็กน้อย เสร็จแล้วใช้กรรไกรตัดปลายแผ่นเกี๊ยวที่เกินใส้ออกเล็กน้อย 
  7. นำขนมจีบใส่หม้อนึ่งที่มีใบตองหรือใบข่ารองบนหม้อนึ่งดังรูปด้านล่าง จากนั้นนึ่งไฟปานกลางจากน้ำเดือด จนกระทั่งสุก (นึ่งราวๆสิบนาที อย่านึ่งนาน นึ่งนานแป้งจะแห้ง สีไม่สวย)
  8. พรมและคลุกเคล้าด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ควรคลุกเร็วๆ อย่าคลุกนานเดี่ยวจะอมน้ำมันเกินไป
  9. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น ผักชี ผักกาดหอม และซอสจิ๊กโฉ่วหรือซอสพริกเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามความชอบ

 สูตรที่ 2 

สูตรนี้โดยคุณมหาชะนี ได้โพสไว้ใน pantip.com โดยเขาเป็นคนชอบทานติ่มซำและขนมจีบอย่างมาก แต่ก็พบว่าซื้อเขาทานแล้วไม่ถูกปาก ไม่อร่อยและมีแต่แป้ง หมูหรือใส้น้อยไป จึงได้คิดสูตรทำทานเอง โดยในสูตรนี้จะเป็น ขนมจีบหมูล้วนๆ เป็นสูตรที่ทำง่าย มาลองดูวิธีการทำกันเลย 

ส่วนผสมและเครื่องปรุง
  • หมูบด เท่าไรก็ได้ตามชอบ
  • แผ่นเกี๊ยว ยี่ห้ออะไรก็คล้ายกันหมด
  • น้ำมันงา
  • เหล้าจีน
  • ซีอิ๊วขาว
  • น้ำตาล
  • แป้งข้าวโพดหรือแป้งมัน
  • ผักชี (เอาราก)
  • พริกไท

วิธีทำ
  1. นำหมูบด(ซื้อในห้างที่เค้าบดแล้วก็ได้ครับ สัดส่วนกับมันหมูลงตัวพอดี) ใส่เหล้าจีน น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส แล้วก็รากผักชีครับ แล้วก็คลุก ๆ ๆ นวดๆๆ (เหล้าจีน กับน้ำมันงา อย่าใส่มากนะครับกลิ่นจะออก เหล้าจีน ไม่ใส่ก็ได้นะครับ แต่ถ้าใส่ แนะนำว่าควรหมักหมูทิ้งไว้สักพัก ให้กลิ่นเหล้าที่แรง ๆ ออกไปก่อนครับ)
  2. คลุกให้เข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพดลงไป
  3. เพื่อความเนียนเข้ากัน ก็ใส่ครกตำได้เลยครับ ตำ ๆ แล้วจะเนียน
  4. หมูที่เนียนนุ่มแล้วหน้าตาแบบรูปที่4 ครับ พักไว้ในตู้เย็นสักพักให้เข้าเนือ
  5. นำแผ่นเกี๊ยวมาตัดตามรูปที่ 5
  6. ใส่ไส้ลงไป ทำมือเป็นรูกลม ๆ
  7. เสร็จแล้วก็บีบ ก็จะได้ขนมจีบแบบมักง่าย ไว้กินเองแล้วครับ
  8. นำขนมจีบใส่หม้อนึ่ง นึ่งไฟปานกลางจากน้ำเดือด จนกระทั่งสุก
  9. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว แนบผักชี 



ข้อแนะนำเพิ่มเติม
แผ่นเกี๊ยว 21 บาท หมูบดล้วน 66 บาท ผักชี 10 บาท เครื่องปรุงอื่นๆมีอยู่แล้ว รวม 97 บาท ตีไป 100 บาท ทำขนมจีบได้ 40 ลูก ตกลูกละ 2.5 บาท แต่ไส้เยอะ หมูล้วนขนาดนี้ ข้างนอกไม่มีให้กินแน่ ถ้าร้านทั่วไปลูกละ 2 บาท 3 บาท มักจะใส่แห้วหรือมันแกว หรือใส่มันเปลว หมูไม่แน่นขนาดนี้ ถ้าร้านติ่มซำ 4 ลูกลักษณะนี้ อย่างต่ำก็ 30 บาทแล้วครับ 
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ หมูหลังจากที่หมักไว้ข้ามคืน อร่อยกว่าหมักไว้แป๊บเดียวแล้วทำเลย เหมือนมันเข้าเนื้อและตัวเหล้าจีนกับน้ำมันงากลิ่นมันจะระเหยไปนิดหน่อย กลมกล่อมกว่าหมักแล้วทำกินเลยครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://pantip.com/topic/30391482

สูตรที่ 3 

โดยคุณแหม่ม (kanchana Iijima) ได้แนะนำสูตรขนมจีบหมูใส่แห้วและเครื่องที่หลากหลาย มีขั้นตอนดังนี้ 

ส่วนผสมและเครื่องปรุง
  • รากผักชี 4 ราก
  • กระเทียมจีน 3 กรีบ
  • หมูครึ่งโล
  • มันหมู
  • น้ำตาล 1 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • แมกกี้ 1 ช้อนชา
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย
  • ผงปรุงรสหมู 2/3 ช้อนชา
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
  • แห้ว 5 ลูก
วิธีทำ
  1. นำรากผักชีกับกระเทียมกรีบไปโขลกหรือปั่นด้วยเครื่องปั่น ให้ละเอียด
  2. นำหมูสับไปปั่นให้ละเอียด 
  3. ล้างแห้วให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้
  4. ผสมหมูสับปั่นละเอียดเข้ากับรากผักชีและกระเทียมที่ปั่นเตรียมไว้แล้ว นวดให้เข้ากันพร้อมกับ ใส่เกลือ น้ำตาล ผงปรุงรสหมู แห้ว หัวหัวใหญ่สับ นวดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี จากนั้นปรุงรสด้วย แม๊กกี้ น้ำมันงา ซอสปรุงรส แป้งข้าวโพด พริกไทย นวดคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันประมาณหนึ่งนาที
  5. ตักไส้ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะลงบนแผ่นแป้งเกี๊ยว เสร็จแล้วก็จับรวบปลายทั้งสี่มุมมาขยุ้มรวมกัน บีบให้แน่นหนาไม่มีรูเปิดอ้า ห่อจนหมดไส้ที่ทำไว้ ใช้น้ำพรมแป้งเกี๊ยวเพื่อให้จีบสวยและเกาะยึดกันได้ดี
  6. นึ่งไฟอ่อนจากน้ำเดือด ประมาณ 6 นาที วางขนมจีบห่างๆ กันจะไได้ไม่ติดกัน
  7. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว ข้าวโพดต้ม เผือกต้ม 
  8. เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น ผักชี ผักกาดหอม และซอสจิ๊กโฉ่วหรือซอสพริกเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามความชอบ

ใครยังทำไม่ได้ ลองไปดูวิดีโอสอนการทำของคุณแหม่ม ได้ที่นี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=xeAk1NBFANA

สูตรที่ 4 

อีกหนึ่งสูตร จากฝีมือของ คุณอยากให้โลกนี้มีรอยยิ้มเรื่อยไป สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แม่ครัวมือใหม่ที่เพิ่งหัดทำขนมจีบกินเองง่าย ๆ โดยเธอลองทำตามสูตรในหนังสือตำราอาหารอีกที  

ส่วนผสมและเครื่องปรุง
  • หมูสับ , 
  • ไข่ไก่
  • น้ำมันงา
  • พริกไทยป่น
  • น้ำปลา
  • น้ำตาลทราย
  • รากผักชี
  • แครอทหั่นเต๋าเล็ก
  • ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
  • แผ่นเกี๊ยว
  • กระเทียมสับ


วิธีทำ
  1. โขลกรากผักชีให้ละเอียด ดังรูปหมายเลข 1 
  2. นวดผสมหมูสับกับรากผักชีโขลก ใส่ไข่ไก่ น้ำมันงา พริกไทยป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาวเห็ดหอมลงไป คลุกเคล้านวดส่วนผสมให้เข้ากันดี (ส่วนผสมที่ได้ลักษณะเนียนเหนียว และหนึบเด้งดึ๋งเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวด 10 นาที โดยประมาณ)
  3. ตัดแผ่นเกี๊ยวเป็นแผ่นวงกลม เตรียมไว้ ใช้แก้วครอบ เป็นตัวช่วยในการตัด
  4. เตรียมส่วนผสมสำหรับห่อ และเตรียมน้ำเปล่าใส่ถ้วยไว้เล็กน้อย
  5. วางแผ่นเกี๊ยวลงบนมือ ตักส่วนผสมหมูใส่ประมาณ 2 ช้อนชา รวบจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด
  6. วางขนมจีบลงในหม้อนึ่ง พรมน้ำให้ทั่ว นำไปนึ่ง ใช้ไฟปานกลางจนสุก
  7. นึ่งจนสุก จัดใส่จาน โรยกระเทียมเจียว และผักชี พร้อมเสิร์ฟ

สูตรนี้สามารถดูข้อมูลเพอ่มเติมได้ที่ http://pantip.com/topic/32355534

เทคนิคและเคล็ดลับความอร่อย

  • บางสูตรแนะนำว่า ก่อนห่อแผ่นเกี๊ยวเข้ากับใส้ ควรล้างแผ่นเกี๊ยวก่อน โดยการเอาแผ่นเกี๊ยวไปจุ่มนํ้า ถูเบาๆ หรือสะบัดๆ เอาแป้งขาวๆ ออก แต่อย่าจุ่มหรือแชร่น้ำนานแผ่นเกี๊ยวจะเปื่อย เอาแค่หมาดๆพอ จากนั้นก็ห่อใส้หมูทั้งๆ ที่แผ่นเกี๊ยวยังเปียกหมาดๆ อยู่  
  • ควรใช้กรรไกรหรือมีดตัดขอบแผ่นแป้งเกี๊ยวก่อนแล้วค่อยห่อ เพื่อให้ใส้พอดีกับแผ่นเกี๊ยว เพราะถ้าไม่ตัด ปลายแผ่นแป้งเกี๊ยวส่วนเกินนั้นจะแข็ง 
  • เนื้อหมู เลือกเนื้อส่วนหัวไหล่หมูบดรวมกับมันหมู ใส้หมูเราจะได้เด้งๆ หนึบๆ อร่อยกว่า
  • ในขั้นตอนการนึ่ง นึ่งแค่ซักสิบนาทีก้พอ ให้ใส้มันพอเปลี่ยนเป็นสีขาวๆ อย่านึ่งนานเกินไป แผ่นแป้งเกี๊ยวจะแข็งกระด้าง 
  • ต้นหอมซอยที่ใส่ผสมกับเนื้อหมูช่วยเพิ่มกลิ่นหอม และสีสันให้แก่ขนมจีบ 
สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ ลองนำสูตรขนมจีบ ที่เรา zabwer.com นำมาเสนอนี้ไปทำกันดูนะครับ รับรองอร่อยแน่นอน

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...