ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สูตรผัดไทยกุ้งสด และเคล็ดลับวิธีทำผัดไทยให้อร่อย

ผัดไทยกุ้งสด เป็นอาหารจานร้อนๆปรุงเมื่อสั่ง เมนูอาหารภาคกลาง เป็นอีกเมนูอาหารไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักและชื่นชอบกันมากๆ ปัจจุบันนั้นผัดไทยมีหลากหลายเมนูมาก ทั้งผัดไทยห่อไข่ ผัดไทยโบราณ วุ้นเส้นผัดไทย เป็นต้น แต่เมนูผัดไทยยอดนิยมของร้านผัดไทยทั่วไปที่ลูกค้ามักจะสั่งซื้อมารับประทานนั้น ที่พบบ่อยๆก็คือผัดไทยกุ้งสด ด้วยรสชาติความอร่อยกลมกล่อมสามรสทั้งเปรี้ยวเค็มหวาน รสชาติเสมอกันของเส้นกับน้ำปรุงรสแล้ว วัตุดิบต่างๆที่หลากหลายลงตัว และยิ่งความกรอบหวานของกุ้ง เมื่อนำมาทำเป็นผัดไทยกุ้งสดแล้วจะได้รสชาติอร่อยกลมกลมลงตัวเข้ากันดีนัก และดูน่ารับประทานมากอีกด้วย ส่วนการจะทำผัดไทยกุ้งสดให้อร่อยนั้นก็ต้องมีสูตรเด็ดเคล็ดลับอยู่บ้าง


สำหรับวันนี้ zabwer.com ก็ได้นำสูตรผัดไทยกุ้งสดและเคล็ดลับวิธีทำผัดไทยให้อร่อย มาฝากครับ ใครที่มองหาสูตรผัดไทยอร่อยๆอยู่ห้ามพลาดนะครับ และทำได้ง่ายด้วยขอบอก!!

ส่วนผสมผัดไทยกุ้งสด
(สำหรับรับประทาน 1-2 คน)
  1. น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
  2. ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์สด 150 กรัม
  3. กุยช่ายหั่นท่อน (ขนาด 1 ½ นิ้ว) 3 ต้น
  4. ถั่วงอก 1 ถ้วย
  5. เต้าหู้ขาวแข็งหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก 2-3 ช้อนโต๊ะ
  6. หัวไชโป๊เค็มสับเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. กุ้งแชบ๊วยสดแกะเปลือกเด็ดหัว ผ่าหลังเอาเส้นดำออก 7-8 ตัว
  8. กุ้งแห้งเนื้อ 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  10. หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำซอสผัดไทย 1/3 ถ้วย
  12. น้ำ ½ ถ้วย
  13. พริกป่น 1 ช้อนชา
  14. ถั่วลิสงคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
**ผักเคียงผัดสด เช่น ถั่วงอก หัวปลี กุยช่าย ใบบัวบก เป็นต้น
**เครื่องปรุงรส มี: น้ำตาล น้ำปลา พริกป่น และมะนาวหั่นชิ้น

ส่วนผสมน้ำซอสผัดไทย
  1. น้ำมะขามเปียก ¾ ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาลปี๊บ 1 ¼ ถ้วย
  3. น้ำปลา ½ ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย
วิธีทำน้ำซอสผัดไทย
เคี่ยวน้ำตาล น้ำมะขามเปียก และน้ำส้มสายชู เข้าด้วยกันในหม้อด้วยไฟกลางๆ…พอเริ่มร้อนให้ใส่น้ำปลาลงไป…ตั้งไฟไปจนเดือดปุ๊บปิดไฟ น้ำซอสผัดไทยที่ได้จะข้นเหนียว…ชิมรสให้ออกเปรี้ยวเค็มหวาน ยกลงได้เลยครับ พักไว้

วิธีทำผัดไทยกุ้งสด
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชบนไฟกลางพอร้อน แล้วจึงใส่เต้าหู้ลงไปผัดพอใกล้เหลือง ใส่หอมแดงลงไปผัดให้พอมีกลิ่นหอม

2. จากนั้นใส่หัวไชโป๊และกุ้งแห้งลงไปผัดให้เข้ากัน

3. แล้วใส่กุ้งสดลงไปผัดเอาพอเกือบสุก ตักกุ้งแยกออกมาพักไว้…กุ้งจะได้กรอบอร่อยไม่แห้งแข็ง

4. จากนั้นใส่ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์และน้ำ ½ ถ้วย (ถ้ากรณีน้ำน้อยเกินไปให้เติมน้ำเพิ่มอีกเล็กน้อย)…หลังจากเติมน้ำแล้วให้ผัดๆไปประมาณ 2 นาที ผัดให้เส้นก๋วยเตี๋ยวกระจาย (อย่าให้ติดจับกันเป็นก้อนนะครับ)… ผัดจนเส้นสุกนิ่ม

5. แล้วจึงตามด้วยใส่น้ำซอสผัดไทยและพริกป่นลงไป ผัดคลุกเคล้าให้ส่วนผสมต่างๆเข้ากันดีผัดพอทั่ว ตามด้วยใส่กุ้งสุกที่เตรียมไว้ลงไป… แล้วเกลี่ยเส้นไว้ข้างกระทะ

6. ใส่น้ำมันพืชลงไป ½ ช้อนโต๊ะ ต่อยไข่ใส่ ใช้ตะหลิวเขี่ยไข่แดงให้แตก พอไข่สุกเกลี่ยเส้นมากลบไข่

7. แล้วจึงใส่ถั่วงอกและกุยช่ายลงไปผัดพอให้เข้ากัน ปิดไฟทันที

8. ตักใส่จาน โรยถั่วลิสงคั่วบด เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องปรุงรสและผักสด

เทคนิคและเคล็ดลับวิธีทำผัดไทยให้อร่อย
  • การผัดหากใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นสดทั้งเส้นเล็กและเส้นจันทร์ ให้ใส่ลงในกระทะแล้วจึงใส่น้ำลงไปทันที ผัดให้เส้นนิ่มก่อนแล้วจึงค่อยใส่เครื่องปรุงรสหรือน้ำซอสผัดไทย หากใส่ไปขณะที่เส้นยังแข็งอยู่เครื่องปรุงจะไปรัดเส้น ทำให้เส้นแข็งกระด้าง 
  • ข้อดีของการผัดเส้นสดโดยที่ไม่เอาเส้นไปแช่น้ำหรือลวก คือเส้นก๋วยเตี๋ยวจะมียางจากแป้งออกมาทำให้มีความเหนียวนุ่ม่ กลิ่นจะหอม อร่อย หากเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่แช่น้ำหรือลวก เส้นจะเหนียวน้อยกว่า ยางจากเส้นก๋วยเตี๋ยวมีน้อย ทำให้เส้นแข็งกระด้างขาดความฉ่ำนุ่ม 
  • เคล็ดลับการทำผัดไทยให้เร็ว ควรเคี่ยวน้ำซอสผัดไทยไว้ก่อน เอาไว้ใส่ตอนผัด แต่หากทำกินที่บ้านจะปรุงซอสกระทะต่อกระทะก็ได้ตามถนัด แล้วจึงนำน้ำซอสผัดไทยมาผัดกับเส้น จากนั้นจึงนำมาผัดรวมกับเต้าหู้ หัวไชโป๊ กุ้งแห้ง กุ้งหรือหมู ไข่ และถั่วงอกทีหลัง ก็จะได้ผัดไทยร้อนๆพร้อมเสิร์ฟ และรสชาติก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอีกด้วย
  • น้ำมะขามเปียก ช่วยให้ผัดไทยมีสีน้ำตาลเหลืองสวย และมีรสเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม ให้เลือกมะขามเปียกใหม่ๆ สีออกน้ำตาลแดง ไม่ดำ นำมาคั้นกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำมะขามข้นๆ กรองด้วยกระชอนเอากากออก
  • ถ้าผัดด้วยเส้นผัดไทย หรือผัดด้วยก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์ ที่เป็นเส้นแห้ง เมื่อผัดแล้วเส้นที่ได้จะมีลักษณะเหนียวนุ่มกว่าและไม่เละ...ส่วนถ้าผัดด้วยก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กสด เมื่อผัดแล้วเส้นจะนุ่มและเละเละง่ายกว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบผัดไทยแบบเส้นนุ่ม ไม่เหนียวมาก ควรเลือกใช้เส้นอย่างดีเพราะจะเหนียวนุ่มกว่าเส้นเล็กธรรมดาที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวน้ำ
  • กระทะที่ใช้ทำผัดไทย ใช้ได้ทั้งกระทะอะลูมิเนียม กระทะแสตนเลส กระทะเหล็ก และกระทะหอยทอด แต่จะมีข้อดีแตกต่างกันคือ สำหรับกระทะอะลูมิเนียมและกระทะแสตนเลส ข้อดีคือเมื่อผัดแล้วผัดไทยจะมีสีสวย ไม่ดำคล้ำ แต่ข้อเสียคือเส้นจะติดกระทะง่ายระหว่างที่ผัด ส่วนกระทะเหล็กข้อดีคือร้อนเร็ว ผัดแล้วไม่ค่อยติดกระทะ แต่จะทำให้ผัดไทยมีสีออกคล้ำ และส่วนกระทะหอยทอดนั้นจะผัดง่าย เพราะพื้นที่หน้ากว้างมากและสามารถผัดได้ครั้งละมากๆ หากจะทำผัดไทยขายอย่างเดียวควรใช้กระทะก้นลึก เพราะใช้ง่ายและสะดวกกว่า
  • ผัดไทยกุ้งสดเลือกใช้เป็นกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ เมื่อสุกเนื้อจะไม่หดมาก และกรอบหวานเป็นพิเศษ และกุ้งสดนั้นสามารถปรุงสุกได้ง่าย เมื่อสุกแล้วจะมีสีส้มสวย ดังนั้นจึงไม่ต้องผัดนาน เพราะกุ้งจะสุกจนแห้งแข็งเกินไป
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับสูตผัดไทยกุ้งสดและเคล็ดลับทำผัดไทยให้อร่อยที่ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอมได้รวบรวมนำมาฝากนี้ ถ้าเพื่อนๆชอบหรือถูกใจก็ช่วยกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ^__^

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผักบุ้ง – เคล็ดลับเลือกผักบุ้งหลากชนิดให้เข้ากับเมนูอาหาร

จริงๆแล้ว"ผักบุ้ง" (Morning Glory) ที่เรานำมาปรุงอาหารมีอยู่หลายชนิด เวลาที่นำมาแกงหรือผัด ควรรู้จักเลือกใช้ผักบุ้งให้ถูก แล้วมันจะเสริมให้อาหารอร่อยขึ้นอีกเยอะ ซึ่งผักบุ้งเป็นส่วนสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามในการทำอาหารให้อร่อย เช่น แกงเทโพ ผัดผักบุ้งไฟแดง เย็นตาโฟ สุกี้ เนื้อย่าง หรือที่นำมาแกล้มกับลาบ ส้มตำ เป็นต้น…ล้วนแล้วแต่ใช้ผักบุ้งหลากชนิดในการกันปรุงอาหารทั้งนั้น เพราะผักบุ้งต่างชนิดกันความกรอบความเหนียว หรือความหนาบางของเนื้อผักบุ้งก็ต่างกัน…เมื่อนำมาปรุงอาหารรสชาติความอร่อยก็ย่อมแตกต่างกัน แม้ว่าน้ำแกงจะเข้มข้นสุดยอดแต่ถ้าใส่ผักบุ้งผิดฝาผิดตัว ก็จะทำให้ความอร่อยของแกงนั้นลดลง ดังนั้นจะทำเมนูอาหารที่มีผักบุ้งเป็นส่วนประกอบจะเข้าครัวทำอาหารทั้งทีก็ควรรู้จักเลือกผักบุ้งและดูให้เป็นด้วย เพื่อที่เราจะได้ทำอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้นไงละครับ


ผักบุ้งที่คนไทยนิยมนำมาปรุงอาหารมี 3 สายพันธุ์ คือ ผักบุ้งแก้ว ผักบุ้งนา และผักบุ้งจีน…สำหรับผักบุ้งแก้วและผักบุ้งนา นั้นก็ต่างเป็นผักบุ้งไทยทั้งคู่…โดยผักบุ้งไทยมักปลูกในน้ำเพราะเจริญเติบโตได้ดีกว่าบนบก ส่วนผักบุ้งจีนจะปลูกในดินเพราะต้องการธาตุอาหารจากในดินมากกว่า


1. ผักบุ้งแก้ว หรือเรียกอีกชื่อว่า ผักบุ้งน้ำ
เป็นผักบุ้งไทยชนิดหนึ่ง ที่ขึ้นอยู่ในน้ำ ทนน้ำท่วม มักเป็นผักบุ้งที่เกิดจากเกษตรกรเพาะปลูก บำรุงรักษา ผักบุ้งจึงดูสมบูรณ์ มียอดสีเขียวอ่อน ใบใหญ่ ลำต้นอวบอ้วน หรือที่เกษตรกรเรียกว่า "ผักบุ้งแก้ว”

· ถ้าจะนำมาทำ”แกงเทโพ”หรือ”แกงส้ม’ แนะนำต้องใช้ “ผักบุ้งแก้ว” เท่านั้น ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ควรแกงครับ^^ เอาไว้แกงวันหลัง…ไม่ควรใช้ผักบุ้งจีน เพราะเนื้อบางและไม่อมน้ำแกง

· ในไทยนิยมนำมาปรุงอาหาร เช่น แกงเทโพ ใส่ในเย็นตาโฟ/ก๋วยเตี๋ยว ผัดกะปิ ผักพริกแกง ยำผักบุ้ง หรือว่าลวกจิ้มน้ำพริก โดยเฉพาะน้ำพริกปลาร้า หรือว่าน้ำพริกปลาแห้ง..ก็อร่อยเด็ดจริงๆ และที่ขาดไม่ได้ ขนมจีนน้ำยา ต้องมีผักบุ้งต้มเป็นหนึ่งในผักเคียง กินร่วมกับผักอื่นๆ ก็ได้ จึงเป็นที่นิยมไม่น้อยไปกว่าผักบุ้งจีน

· (สำหรับการปลูกผักบุ้งแก้วจะเตรียมดินโดยปล่อยให้น้ำแห้ง ไถดินแบบไถนาปลูกข้าว แล้วนำต้นผักบุ้งไปปักไว้เป็นแถวๆ พอเริ่มแตกจะค่อยๆปล่อยน้ำเข้า ผักบุ้งจะโตหนีน้ำขึ้นมา)


2. ผักบุ้งจีน
ผักบุ้งจีน (คือที่ยกร่องใช้เมล็ดปลูก)นั้นปลูกขึ้นบนบก ลำต้นและใบสีเขียวอ่อน ยางน้อยกว่าผักบุ้งไทย เป็นผักบุ้งที่นิยมปลูกเป็นการค้า

· สำหรับคนไทย…ในร้านอาหารใช้ผัดผักบุ้งไฟแดง หรือเย็นตาโฟ
ส่วนทางภาคใต้นิยมใช้ทำผัดผักบุ้งไฟแดง สุกี้ยากี้ ใส่ในแจ่วฮ้อน กินกับหมูกระทะ ลวกใส่ในพระรามลงสรง

· ในอินโดนีเซียใช้ทำผักบุ้งลวกราดน้ำยำ ในมาเลเซียมีผักบุ้งผัด


3. ผักบุ้งนา หรือเรียกอีกชื่อว่า ผักบุ้งแดง
เป็นผักบุ้งไทยอีกชนิด มักขึ้นตามท้องไร่ท้องนา ห้วยหนองคลองบึง เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาค

· ผักบุ้งนาลำต้นมีสีแดง ต้นจะเล็กกรอบ ยอดเรียวเล็ก และมีรสฝาด มักนิยมรับประทานแกล้มกับลาบ น้ำตก ยำ ส้มตำ และอาหารอีสานอื่นๆ จำได้ไหม…นั่นแหล่ะครับผักบุ้งนา หรือว่าจะนำไปปรุงเป็นแกงส้มก็พอได้เช่นกัน อร่อยไม่น้อย


ที่มาจาก:
https://th.wikipedia.org/wiki/ผักบุ้ง
http://www.oknation.net/blog/yaya2508/2013/07/23/entry-1

สูตรแกงเทโพผักบุ้งหมูสามชั้น อร่อยเป๊ะเวอร์ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

แกงเทโพ” สูตรอาหารไทย อีกเมนูอาหารภาคกลาง เป็นแกงที่จัดอยู่ในประเภทแกงคั่วใส่กะทิ มีรสชาติเปรี้ยวกับหวานเท่ากัน ตามด้วยเค็มและเผ็ดเล็กน้อย มีกลิ่นหอมๆเฉพาะตัวด้วยใส่ลูกมะกรูดลงไป นอกจากความอร่อยของแกงเทโพที่ไม่เป็นสองลองใครแล้ว ประโยชน์ที่ได้รับจากผักบุ้งและเครื่องแกงก็มากมายเช่นกัน หากเป็นสูตรแกงเทโพโบราณ เขาจะนิยมโขลก ปลาแห้ง ปลากรอบ หรือกุ้งแห้ง ใส่ลงไปในพริกแกงด้วยครับ เป็นเสน่ห์ปลายจวักที่จะช่วยทำให้น้ำแกงที่ได้มีความเข้มข้นมีรสชาติอร่อยๆ ยิ่งขึ้น สำหรับวันนี้ zabwer.com ก็ได้นำสูตรอาหารและเคล็ดลับดีๆมาฝากทุกท่านเช่นเคยครับ…ด้วยสูตรแกงเทโพผักบุ้งหมูสามชั้นสูตรอร่อบเป๊ะเวอร์ ห้ามพลาดครับ…ลองได้รับประทานแกงเทโพถ้วยนี้พร้อมข้าวสวยร้อนๆ แนมด้วยไข่เค็ม ปลาสลิดเค็ม หรือปลาช่อนแดดเดียวทอด อร่อยจนแทบคิดไม่ออกเลยว่า พรุ่งนี้จะทานข้าวกับอะไรได้อร่อยเท่านี้อีก > <


เคยสงสัยไหมครับ!…ว่าทำไมแกงเทโพที่พบเจอทั่วไปถึงต้องใส่แต่หมูสามชั้น...แล้วทำไมไม่ชื่อแกงผักบุ้งซะเลย!!...น่าจะเหมาะกว่า 55+...
และจากที่ผมลองนั่งค้นในอากรู๋ก็พบที่มาที่ไปของชื่อแกงเทโพนี้ครับ…แรกเริ่มเดิมที เชื่อว่าเป็นแกงกะทิที่ใช้ปลาเทโพมาทำ นั่นคือที่มาที่ไปของชื่อแกงเทโพ แต่อาจจะเนื่องด้วยในปัจจุบันนิยม ย้ำนะครับนิยมหันมาใช้หมูสามชั้นแทน ทำให้แกงเทโพที่ทานจะมีความกรุบๆ ปนนุ่มๆของหมูสามชั้น ตัวหมูสามชั้นเองยังทำให้แกงเทโพมีรสชาติมันๆ จากหมูสมชั้นอีกด้วย นี่เองที่ทำให้แกงเทโพมีรสชาติอร่อยๆเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน…ยิ่งในปัจจุบันก็เริ่มออกแนวๆ ใช้เนื้อสัตว์หลากชนิดมาประยุกต์ใช้แทนหมูสามชั้น ทำให้เราเห็นแกงเทโพหลากหลายเมนูแล้ว เช่น แกงเทโพปลาอินทรีย์เค็ม เมนูแกงเทโพปลาอินทรีย์เค็มนี่จะมีรสชาติอร่อยๆ ของปลาเค็มตัดกับรสชาติเฉพาะๆ ของแกงเทโพนี่อร่อยยิ่งนัก แกงเทโพกุ้ง หรือเราจะประยุกต์ทำแกงเทโพปลาสลิดทอดกรอบ ปลาสลิดออกเค็มๆ มันๆ มันน่าจะทำให้แกงเทโพมีรสชาติอร่อยๆ ดีนะ…ว่าแล้วคราวหน้าต้องลองทำดูบ้างแล้วล่ะ อิอิ

ส่วนผสมแกงเทโพ
  1. หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ 300 กรัม
  2. ผักบุ้งน้ำ 400 กรัม (น้ำหนักเฉพาะส่วนที่ใช้ หรือใส่เพิ่มได้อีก…ปริมาณตามชอบ)
  3. กะทิสำเร็จรูป (ขนาด 500 มล) 1 กล่อง
  4. ผลมะกรูด 2 ผล
  5. ใบมะกรูดฉีกเป้นชิ้นเล็กๆ (1ใบ ได้ซัก 2- 3 ส่วน) แช่น้ำไว้ 4-5 ใบ
  6. มะขามเปียก 10 ฝัก (หรือประมาณ 1 กำมือ)
  7. น้ำตาลปี๊บ
  8. น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงพริกแกงสำหรับแกงเทโพ
  1. พริกแห้ง 7-10 เม็ด
  2. กระเทียมปอกเปลือก 5-7 กลีบ
  3. หอมแดงปอกเปลือก 3-5 หัว
  4. กะปิอย่างดี ½ ช้อนโต๊ะ 
  5. ข่าซอยละเอียด 1 ช้อนชา
  6. ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ตะไคร้ซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  8. พริกไทย 5 เม็ด
  9. ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะพูนๆ
  10. เกลือ 1 หยิบมือ
วิธีทำ
1. เตรียมเครื่องปรุงต่างๆสำหรับทำพริกแกงเทโพให้พร้อม ดังนี้
  • นำพริกแห้งมาเด็ดก้านทิ้ง ผ่ากลางตามความยาวของเม็ดแคะเอาเมล็ดออกให้หมด แล้วแช่น้ำให้นิ่ม
  • นำกระเทียม และหอมแดง มาปอกเปลือกให้เกลี้ยง
  • นำข่าและผิวมะกรูด ซอยให้ละเอียด
  • ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ และป่นให้ละเอียด
2. เตรียมทำน้ำพริก…เริ่มด้วยใช้ครกโขลกเกลือ ผิวมะกรูดและข่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วใส่หอมกระเทียมลงไปบุบให้พอแหลก ต่อไปให้ตักเครื่องแกงจากครกทั้งหมดไปใส่เครื่องปั่น สงพริกแห้งขึ้นจากน้ำด้วยมือ บีบให้สะเด็ดน้ำ หั่นหยาบๆใส่ลงในเครื่องปั่น พร้อมกับปลาป่น…แล้วเติมกะทิสำเร็จรูปตามลงไป 3 ทัพพี…น้ำสุก 2 ทัพพี…แล้วนำไปปั่นให้ละเอียดแบบน้ำผลไม้ ก็จะได้น้ำพริกแกงเรียบร้อย พักไว้

3. เตรียมส่วนผสมสำหรับทำแกงเทโพ ดังนี้
  • หมูสามชั้น ขูดขนให้เกลี้ยง ล้างให้สะอาด หั่นหมูเป็นชิ้นพอคำตามขวางให้ติดกันมาทั้งหนัง มัน เนื้อ ขนาดหนาครึ่งเซนติเมตร 
  • ผักบุ้งล้างให้สะอาดตัดโคนทิ้งเสียบ้าง ใบที่เหลืองและช้ำมากปลิดทิ้งไป แล้วหยิบผักบุ้งมาทีละ 5-8 “ตบแล้วบิด” ผักบุ้ง วิธีตบแล้วบิด คือ ให้หยิบผักบุ้งมาทีละ 5-8 ต้น แล้วกำทางโคนให้โผล่ออกมาสัก 2 นิ้ว ด้วยมือที่ไม่ถนัด…ตบเบาๆเข้าหามือที่กำไว้ด้วยมือที่ถนัด ต่อด้วยบิดผักบุ้งเบา…แล้วแช่น้ำหรือใส่ลงหม้อน้ำแกงเลย (บิดลำต้นพอให้มีเสียงกร๊อบแกร๊บเบาๆ อย่าบีบแรงครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นผักบุ้งช้ำ)… “ตบและบิด” ไปเรื่อยๆจนหมดผักบุ้ง
  • ล้างผลมะกรูดให้สะอาด หั่นตามขวางเป็น 2 ส่วน แคะเมล็ดทิ้งให้หมด 
  • มะขามเปียก 10 ฝัก (ถ้าไม่เป็นฝักก็ประมาณ 1 กำมือ คั้นกับ น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำสุก 1 แก้ว หรือจะใช้น้ำมะขามเปียกแบบขวดที่มีขายก็ได้ สะดวกดี) 
  • ฉีกใบมะกรูดแช่น้ำไว้ 4-5 ใบ 
4. พร้อมแล้วก็ลงมือแกงได้!...
  • เริ่มด้วยเคี่ยวกะทิ คือเทน้ำกะทิที่เหลือใส่หม้อ แล้วเปิดปากกล่องให้กว้าง…ตวงน้ำสะอาดด้วยกล่องนี้ 2 กล่องใส่ลงในหม้อด้วย…แล้วตั้งไฟให้เดือดเคี่ยวจนแตกมัน 
  • จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนด้วยใช้ไฟกลาง เทน้ำพริกแกงจากเครื่องปั่นลงในกระทะผัดให้หอม ระหว่างน้ำพริกแกงยังไม่ได้ที่…ค่อยๆช้อนหน้ากะทิในหม้อที่เคี่ยวไว้โรยรอบกระทะเป็นระยะ พร้อมคนน้ำพริกแกงไปมาไม่ให้น้ำพริกแกงไหม้
5. เมื่อผัดน้ำพริกแกงได้ที่ใส่เนื้อสามชั้นลงไปผัด ตักกะทิที่เคี่ยวไว้จากหม้อ 5 ทัพพี ใส่ลงในเครื่องปั่นที่เพิ่งเทน้ำพริกแกงออกไป เขย่าล้างให้ทั่ว เทลงในกระทะที่กำลังผัดน้ำพริกแกงกับหมูอยู่

6. เมื่อหมูสุก…เทกะทิจากหม้อลงในกระทะทั้งหมด คนให้เข้ากัน…พอแกงเดือดใส่ผักบุ้งที่แช่น้ำไว้ลงไป ปล่อยให้เดือดนานหน่อย คะเนว่าหมูและผักเปื่อยได้ที่…ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้าปลา บีบน้ำมะกรูดที่ผ่าเป็นสองซีกลงในแกงทั้งสองผล และเปลือกมะกรูดก็ใส่ลงไปในแกงด้วย ชิมรสดูครับ ได้ที่แล้วใส่ใบมะกรูด…จากนั้นตักใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง…ยกลงพร้อมเสิร์ฟ^^

เคล็ดลับเพิ่มเติมทำแกงเทโพให้อร่อย
  • ผักบุ้งนั้นมีอยู่หลายชนิด เวลาจะนำมาปรุงอาหารควรรู้จักเลือกใช้ผักให้ถูก เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการทำอาหารให้อร่อย แม้ว่าน้ำแกงเข้มข้นสุดยอดแต่ผักที่ใส่ผิดฝาผิดตัว ก็จะทำให้ความอร่อยของแกงลดลง ที่สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ:                                         เคล็ดลับเลือกผักบุ้งหลากชนิดให้เข้ากับเมนูอาหาร
  • การ “ตบแล้วบิดผักบุ้ง” ใช้ทั้งแกงเทโพและแกงส้ม เพราะจะทำให้ผักบุ้งอมน้ำแกงและเปื่อยเร็ว…เวลาที่เราแกงเทโพแล้วเหลือแต่หมูสามชั้น เราก็สามารถเติมผักบุ้งตบและบิด เพิ่มลงไปได้ แล้วก็เพิ่มเครื่องปรุงรสใหม่ครับ
  • น้ำมะขามเปียกหากคั้นเองควรคั้นกับน้ำปลาและน้ำสะอาดอย่างที่บอก ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นเมื่อล้างมะขามเปียกจนสะอาดใส่ในถ้วยแล้ว ใช้น้ำร้อน (แทนน้ำสะอาด) และน้ำปลาใส่ลงไปจะทำให้คั้นง่ายมาก…ส่วนน้ำมะขามเปียกสำเร็จรูปที่มีขายเปรี้ยวอย่างเดียวแต่ดีตรงที่สะดวกเหลือใช้ก็เก็บในตู้เย็นได้
  • สำหรับน้ำพริก เราจะโขลกหรือปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ตามสะดวกครับ ได้ผลดีเช่นกัน
  • แกงเทโพนั้นสามารถใช้กระทะแกงได้ครับ ส่วนหม้อไว้สำหรับเคี่ยวกะทิและใส่แกงหลังจากที่แกงเสร็จแล้ว…และส่วนกระทะปากกว้างผัดเครื่องแกงและคนแกงให้เข้าที่ได้ง่ายกว่าแกงในหม้อ
  • ผักบุ้งที่ใช้ทำแกงต่างๆ ควรผสมน้ำยาล้างผักหรือผงฟูลงในน้ำที่แช่ผักด้วยนะครับ แล้วล้างให้สะอาด เพราะผักบุ้งอยู่ในน้ำและเราก็ไม่ทราบแหล่งที่มาด้วย 
  • ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำนั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักบุ้ง เพราะผักบุ้งมีคุณสมบัติไปช่วยลดความดันโลหิต จะทำให้ความดันยิ่งต่ำลงไปใหญ่อาจจะก่อให้เกิดอาการเป็นตะคริวได้ง่ายและบ่อยขึ้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
หวังว่าเนื้อหาที่ zabwer.com ตั้งใจเขียนแบ่งปันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ และขอให้ทุกท่านเอร็ดอร่อยไปกับทุกเมนูอาหารที่รับประทาน และมีความสุขสนุกสนานไปกับการเข้าครัวทำอาหารกันถ้วนหน้านะครับ (^____^)

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สูตรแกงป่าไก่ผักรวม รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน แซ่บถึงใจ

"แกงป่าไก่" เมนูอาหารไทย และเป็นอีกเมนูอาหารภาคกลางที่อร่อยขึ้นชื่อ แกงป่าไก่เป็นแกงที่มีรสจัดจ้านเผ็ดร้อน เป็นแกงที่ไม่ใส่กะทิ ซดน้ำได้อร่อยแซ่บเวอร์หูตาสว่างดีจริงสำหรับคนทานเผ็ด เป็นแกงที่ต้องเผ็ดขนาดกินไปปาดเหงื่อไปจึงจะอร่อยครับ แต่ถ้าไม่ชอบทานเผ็ดก็ลดพริกลงได้นะครับ ^^ แกงป่าไก่ผักรวมเป็นแกงที่มีกากใย อุดมไปด้วยผักนานาชนิด เช่น ยอดมะพร้าวอ่อน ข้าวโพดอ่อน มะเขือเปราะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาว มีรสเผ็ดร้อน หวานน้ำแกง หอมกลิ่นกระชายและใบกระเพรา


สำหรับแกงป่าไก่ผักรวมสูตรที่ zabwer.com นำมาฝากนี้รสชาติอร่อยเด็ด ใครที่ชอบรสเข้มข้นจัดจ้านแกงป่าไก่สูตรนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดต้องลองนะครับ เพราะมีน้ำแกงข้น รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ เหมาะทั้งเป็นกับแกล้มและเป็นกับข้าว กินกับขนมจีนก็วิเศษนัก สำหรับขั้นตอนการทำนั้นก็ยุ่งยากพอสมควร แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็อร่อยๆๆคุ้มค่าครับ ทานเคียงกับไข่เจียว ปลาทอด กุนเชียงทอด มีแกงจืดซดแก้เผ็ดอีกสักถ้วย จัดเป็นมื้อที่อร่อยเลิศได้คุณค่าอาหารไปเต็มๆทีเดียว

เครื่องปรุงแกงป่าไก่ผักรวม
  1. เนื้อไก่ไทยหรือไก่บ้าน (นำมาหั่นขนาดพอดีคำ) 5-7 ขีด                                                               **(เอาตามที่ชอบเลยครับ…ได้ทั้งเนื้อสันใน เนื้ออก เนื้อสะโพก หรือเนื้อไก่ติดกระดูกได้ทั้งนั้น) 
  2. พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง-เหลือง (หั่นแฉลบ) อย่างละ 3 เม็ด 
  3. กระเทียมปอกเปลือก 10-15 กลีบ 
  4. กระชายซอย 5-6 แง่ง 
  5. ใบมะกรูดฉีกหยาบๆ 10 ใบ 
  6. ใบโหระพาเด็ดแล้ว 1 ถ้วย 
  7. หน่อไม้ต้ม 200 กรัม 
  8. มะเขือเปราะผ่าสี่ซีก (แช่น้ำใส่เกลือ) 1 ถ้วย 
  9. เห็ดฟาง (เห็ดสดชนิดต่างๆ) 1 ถ้วย 
  10. ข้าวโพดอ่อน 1 ถ้วย 
  11. น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ 
  12. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 
  13. น้ำมันพืช 3-5 ช้อนโต๊ะ 
  14. น้ำสะอาดทั้งหมด 6 แก้ว 

ผักสดที่ใช้เป็นเครื่องปรุงแกงป่า
เลือกผักที่ชอบได้ทั้งนั้น เช่น หน่อไม้, มะเขือเปาะ, มะเขือพวง, มะเขือยาว, ถั่วฝักยาว, ข้าวโพดอ่อน เห็ดสดชนิดต่าง ๆ, หัวกระชายซอย, พริกไทยสด, ใบกระเพา หรือใบยี่หร่า หรือใบโหระพา เลือกกลิ่นตามที่ชอบ

เครื่องปรุงทำน้ำพริกแกงป่า (คือน้ำพริกแกงเผ็ดทั่วไป…แต่ไม่ธรรมดา)
  1. พริกแห้งเม็ดใหญ่ (ผ่ากลาง แคะเอาเมล็ดออกแช่น้ำไว้) 20 เม็ด 
  2. ตะไคร้ต้นใหญ่ๆซอยเฉพาะส่วนโคนให้ละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ 
  3. ข่าแก่ซอยละเอียด 1 ช้อนชา 
  4. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา 
  5. กระเทียมปอกเปลือก 10-15 กลีบ 
  6. หอมแดงขนาดเท่าหัวแม่มือปอกเปลือก 5 หัว 
  7. รากผักชีซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ 
  8. พริกไทย 30 เม็ด 
  9. ลูกผักชีคั่วให้หอม 2 ช้อนกาแฟ 
  10. ลูกยี่หร่าคั่วให้หอม 2 ช้อนกาแฟ 
  11. กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ 
  12. เกลือป่น 1 ช้อนชา 
  13. ข้าวเบือ (ข้าวสารแช่น้ำให้น่าย) 1 ช้อนโต๊ะพูนๆ 
** หมายเหตุ
อีกทางเลือกจะซื้อพริกแกงสำเร็จที่ทำขายก็ได้ โดยเลือกซื้อพริกแกงเผ็ดผสมพริกแกงแดง แล้วจึงค่อยนำพริกไทยและรากผักชีมาใส่เพิ่มลงไป ก็จะได้น้ำพริกแกงป่า…แต่ถ้ามีเวลาลองทำน้ำพริกแกงป่าเองตามสูตรครับ แล้วแกงป่าถ้วยนี้จะได้รสเข้มข้นจัดจ้าน หอมอร่อยเด็ดไม่ธรรมดาแน่นอน ^^

วิธีทำแกงป่าไก่ผักรวม
1. เตรียมผักและเนื้อไก่ที่จะทำแกงไว้ให้พร้อม
  • เริ่มด้วยนำผักต่างๆไปล้างให้สะอาด แล้วนำมาหั่นหรือซอยเป็นชิ้นตามชอบ 
  • เนื้อไก่นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดตามชอบ 
2. จากนั้นมาเริ่มทำน้ำพริกแกงกันต่อเลย เริ่มด้วยตำลูกผักชีกับลูกยี่หร่าให้ป่นละเอียด ตามด้วยข่า ผิวมะกรูด รากผักชี และเกลือพอละเอียด แล้วจึงใส่พริกไทย ข้าวเบือลงไป ตามด้วยตะไคร้ เมื่อโขลกจนเข้ากันดีแล้วใส่กระเทียม 10-15 กลีบลงไปโขลกหยาบๆ ตามด้วยหอมแดงทั้งหมดและกะปิ

3. ตักน้ำพริกที่เตรียมไว้ (จากข้อ 3) ไปใส่ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ สงพริกแห้งที่แช่น้ำไว้จนน่าย บีบให้สะเด็ดน้ำใช้มีดหั่นหยาบๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่นเติมน้ำสะอาดลงไปด้วย 1 แก้ว แล้วปั่นให้ละเอียด

4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนทุบกระเทียม 10-15 กลีบ สับหยาบๆลงไปเจียวพอเหลือง ใส่ไก่ที่หั่นเตรียมไว้แล้วลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำปลาดีลงไป 2 ช้อนโต๊ะ

5. แล้วจึงใส่น้ำพริกแกงที่ปั่นไว้ลงในกระทะผัดให้เข้ากันกับเนื้อไก่ ล้างเครื่องปั่นและครกด้วยน้ำสะอาดอีกอย่างละ 1 แก้ว เทรวมลงไปผัดด้วยกันในกระทะจนสุกหอม

6. ตักเนื้อไก่ที่ผัดกับน้ำพริกแกงจนได้ที่แล้วจากกระทะใส่หม้อเติมน้ำสะอาดอีก 3 แก้ว ปล่อยให้เครื่องแกงเดือดสักพัก คะเนว่าเนื้อไก่สุกได้ที่ ลองชิมรสดูแล้วปรุงรสเพิ่มเติมด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บลงไปเล็กน้อย ได้รสชาติตามที่ชอบแล้วใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด รอให้แกงเดือดอีกพลุ่งหนึ่ง แล้วยกลงพร้อมรับประทาน

แนะนำเพิ่มเติม
  • น้ำสะอาดที่ใช้ในขั้นตอนการแกงป่าหม้อนี้ใช้ทั้งหมด 6 แก้ว หรือเทียบได้กับน้ำบรรจุขวดขนาดเล็ก 500 ลบ.ซม.จำนวน 3 ขวด เราจะใช้น้ำน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้ แต่ต้องปรุงรสอย่างระมัดระวังนะครับ 
  • ตอนที่หาน้ำพริกแกง ถ้าไม่ใช้เครื่องปั่นก็ต้องใช้ครกโขลกให้จนละเอียดนะครับ เมื่อป่นลูกผักชียี่หร่าคั่วแล้วให้ใส่พริกที่แช่น้ำไว้และเกลือป่นลงโขลกเข้าด้วยกันจนละเอียดก่อน แล้วจึงตามด้วยข่าและอื่นๆ เป็นลำดับไปเหมือนขั้นตอนที่หนึ่ง 
  • แกงป่าต้องเผ็ดขนาดกินไปปาดเหงื่อไปจึงจะอร่อย แต่ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆลดพริกลงได้ครับ
  • ข้าวเบือ คือ เครื่องปรุงน้ำพริกแกงป่าที่ทำให้น้ำแกงข้นโดยนำเม็ดข้าวสารไปแช่น้ำจนน่าย

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สูตรเด็ดปลาราดพริกสามรส อร่อยแซ่บเวอร์จนต้องบอกต่อ

จริงๆแล้ว ปลาราดพริก ปลาสามรส เป็นอีกสูตรเมนูอาหารไทยเมนูปลาที่ทำง่ายครับ เป็นการนำปลามาทอดให้กรอบอร่อยซะก่อน แล้วปรุงน้ำราดให้ครบทุกรสออกเปรี้ยว หวาน ตามด้วยเค็ม และเผ็ดจะได้รสชาติอร่อยจนไม่อยากวางมือเลย อีกเมนูอาหารปลารสเข้มข้นจัดจ้าน อร่อยครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย รับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อร่อยแซ่บเวอร์เติมข้าวเพิ่มไม่รู้ตัว


สำหรับปลาราดพริก หรือปลาสามรส นอกจากจะใช้ปลาทับทิมหรือปลากระพงได้แล้ว ก็สามารถใช้ปลาชนิดอื่นทำได้นะครับ อย่างปลานิล ปลาทรายแดง ปลาเก๋า ปลาดอลลี่ ปลาทู หรือปลาอินทรีย์ก็น่าสนครับ ซึ่งน้ำปลาราดพริกก็เป็นสูตรแบบเดียวกันคล้ายๆกัน ล่ะครับ แต่เป็นการปรุงเพิ่มรสชาติตามคนชอบ…หาสูตรเด็ดสูตรอร่อยปลาราดพริก ปลาสามรสให้เจอ…แล้วใช้เป็นสูตรหลักทำปลาราดพริกต่างๆ ลองปรับเพิ่มลดเครื่องปรุงอีกสักหน่อย ก็ได้สูตรเด็ดสูตรอร่อยของเราเองแล้ว…วันนี้เลยขอนำสูตรปลาราดพริกสามรสมาฝากครับ เป็นสูตรมาจากคุณบ่งบ๊งสมาชิกเว็บ bloggang.com เป็นสูตรปลาราดพริกสามรสรสอร่อยเข้มข้น กินแล้วสดชื่น ความพิเศษของสูตรนี้อยู่ที่การใส่สับปะรดลงไปด้วย เพิ่มความหอม ได้รสเปรี้ยวหวานจากสับปะรดด้วย หรือถ้าจะทำขายสูตรนี้ก็แนะนำครับ

ปลาราดพริก
1. ปลา ตัวขนาด 500 กรัม (เลือกชนิดใดก็ได้ตามชอบ) 1 ตัว
2. น้ำมันสำหรับทอด
3. ใบโหระพาสำหรับผักแนม

เครื่องปรุงน้ำราดพริก
1. พริกชี้ฟ้าสีแดง (พริกจะใช้สีเขียวก็ได้…น้ำจะออกมาสีเขียว) 15- 20 เม็ด
*(15 เม็ด ไม่เผ็ดครับ…รสกำลังดี ใครชอบเผ็ดก็ใส่เพิ่มตามชอบ)
2. สับปะรดบด 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมกลีบขนาดกลาง 13-15 กลีบ
4. หอมแดง 5 หัว
5. รากผักชี 1-2 ราก
6. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือป่น 1/4 - 1/2 ช้อนชา
10. น้ำส้มชายชู
11. น้ำเปล่า หรือน้ำซุป ¼ ถ้วย
12. พริกชี้ฟ้าแดงเม็ดใหญ่ 1 เม็ด และผักชี (สำหรับโรยหน้า)

** หมายเหตุ**
  • หากชอบเผ็ดจัดจ้านก็ใช้เป็นพริกขี้หนูเลยครับ เขียวหรือแดงก็ได้…หรือจะใช้ทั้งพริกชี้ฟ้าและพริกขี้หนูก็ได้เลยครับ
  • ถ้าสับปะรดหวานมากควรลดน้ำตาล หรือไม่ใส่ก็ได้
  • ถ้ามะขามเปียกเปรี้ยวมาก อาจจะต้องลดมะขามเปียกลง หรือไม่ต้องใส่น้ำส้มสายชูก็ได้… แต่ถ้ามะขามเปียกเปรี้ยวน้อย อาจจะต้องเพิ่มปริมาณมะขามเปียกให้มากขึ้น หรือจะใส่น้ำส้มสายชูเพิ่มนิดหน่อยก็ได้
  • ถ้าไม่มีสับปะรดไม่ใส่ก็ได้ครับ ก็ให้ใส่น้ำตาลปี๊บเพิ่ม…อย่าใส่เยอะ ค่อยๆใส่ไปทีละน้อยๆ ปรับรสชาติเอาตามชอบ
วิธีทำ
1. นำปลามาล้างทำความสะอาด ควักใส้ออก จากนั้นบั้งปลาด้านละ 3 ครั้ง ทำทั้งสองด้าน นำไปพักไว้ในตะกร้าโปร่งๆให้สะเด็ดน้ำ

2. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปพอควรรอให้น้ำมันร้อนสักหน่อย จึงใส่ปลาลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันพักไว้

3. วิธีทำน้ำราดพริกสามรส เริ่มด้วยนำสับประรสไปปั่นในเครื่องปั่นก่อนแล้วตักแยกไว้ แล้วจึงค่อยนำพริก(ทั้ง 2 ชนิด) กระเทียม หอมแดง และรากผักชี…แล้วนำไปทุบ หรือจะตำครกหรือปั่นในเครื่องปั่นก็ได้…ที่ผสมให้เข้ากันดีแบบหยาบๆหรือแบบละเอียดก็ได้ตามชอบครับ (แต่สำหรับผมเอาแบบหยาบๆครับ) จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไป 2 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันร้อน จึงนำเครื่องพริกที่ปั่นไว้ลงไปผัดจนได้กลิ่นหอม แล้วเติมสับปะรดที่ปั่นไว้ลงไป

4. แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำส้มฯ น้ำตาลปี๊บ เกลือ และเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย (ถ้าดูแห้งดูข้นเกินไปก็ให้เติมน้ำเปล่าหรือน้ำซุปเพิ่มอีกได้) ผัดให้เข้ากัน ชิมรสแล้วปรุงเพิ่มตามชอบ…ถ้าพริก 15 เม็ดตามสูตรนี้รสที่ได้จะเป็นสี่รส คือ หวานนำ เผ็ด เปรี้ยว ตามด้วยเค็ม (สำหรับผมชอบทานเผ็ดจึงปรุงรสให้ออกเผ็ดนำครับ)

5. น้ำปรุงรสที่ทำนี้ตักราดบนปลาทอด โรยหน้าด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้า พร้อมรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ


เคล็ดลับเพิ่มเติม
  • วิธีเลือกซื้อปลาสด (ใช้ได้กับปลาทุกชนิด) หลักง่ายๆ ดูที่เนื้อปลา เหงือกปลา และตาปลาครับ คือ 1).ให้ลองใช้นิ้ว (เป็นนิ้วชี้ก็ได้) กดลงไปที่เนื้อปลา ถ้านื้อปลาเด้งดีอยู่ถือว่าสดครับ 2). ให้ดูที่เหงือกปลา ลองเปิดดูถ้าเหงือกแดงสดแสดงว่าปลาสด 3).สังเกตุที่ตาปลา ตาต้องใส แค่นี้เองครับก็เลือกซื้อได้ปลาสดๆแล้ว…แล้วก็บอกพ่อค้าว่าเราจะเอาไปทำปลาราดพริก เค้าก็จะทำให้จนถึงบั้งปลาเสร็จเรียบร้อยเลยครับ
  • วิธีล้างปลาให้สะอาด คือให้เปิดก็อกน้ำแรงๆ ใส่เข้าไปทั้งในปากและเหงือก อ้าปากปลา เหงือกปลา (เพราะจะมีขี้โคลนอยู่ด้านใน) ล้างปลาให้สะอาด แล้วพักไว้ในตะกร้าโปร่งๆ ให้สะเด็ดน้ำเป็นอันจบ!...แต่ถ้าปลาไม่ค่อยสดมีเมือกลื่นๆ เยอะๆ หรือมีกลิ่นคาวปลาก็ให้เอาเกลือถูสัก1-2 รอบ (เพื่อกำจัดเมือกและกลิ่นเหม็นคาวปลา) แล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง จึงพักพอสะเด็ดน้ำ
  • วิธีทอดปลาให้น่ากิน กรอบเหลืองสวย เนื้อดูฟูๆแบบกรอบนอกนุ่มใน คือ ให้ใส่น้ำมัน…กะพอท่วมตัวปลา แล้วเปิดไฟแรงก่อนเลยครับ รอให้น้ำมันร้อนสักหน่อย…พอน้ำมันร้อนดีแล้ว (แต่ไม่ต้องให้ร้อนขนาดควันขึ้น)…ก็ให้ปรับเป็นไฟกลาง แล้วหย่อนตัวปลาลงไปในกระทะ ทอดปลาไปสักพัก…พอให้ปลาเหลืองข้างนึง แล้วจึงค่อยกลับเอาอีกข้างลงไปทอดครับ (เพราะถ้าจะรอให้สุกด้านนึงแล้วค่อยกลับด้าน อาจทำให้ปลาไหม้ได้ แต่ถ้ารีบกลับด้านอาจทำให้ปลาเละ และไม่น่ากินครับ)…ถ้าใส่น้ำมันเยอะก็ตักมาราด อีกด้านที่ไม่โดนน้ำมันด้วยนะครับ …จากนั้นก็ทอดปลาไปเรื่อยๆทอดจนสุกเหลืองและกรอบทั้งสองด้าน เสร็จแล้วก็ตักมาพักไว้ให้แห้งสะเด็ดน้ำมัน (ก่อนเอาปลาขึ้นให้เปิดไฟแรงนะครับจะได้ไม่อมน้ำมัน) ใช้เวลาทอด 10-15 นาที
  • น้ำมันที่ใช้ทอดไม่ควรใช้ซ้ำกันเกิน 2-3 ครั้ง เพื่ออาหารอร่อยและสุขภาพที่ดีครับ

ที่มาสูตรจาก:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jazzy-bong&month=02-2012&date=20&group=3&gblog=91

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...