ไส้กรอกอีสาน รสเด็ดสุดแซ่บ พร้อมเคล็ดลับวิธีทำไส้กรอกอีสาน

สูตรอาหารไทย อาหารภาคอีสาน ไส้กรอกอีสาน – หลายคนที่ชอบทานไส้กรอกปิ้งย่างเป็นประจำ แต่ไม่มั่นใจในความสะอาดของร้านหรือบางร้านก็ทำไม่อร่อยโดนใจ ใส่มันหมูมากเกินไปจนเลี่ยน จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถทำไส้กรอกไว้ทานเอง ทำครั้งเดียวเก็บไว้ทานได้หลายวันอีกด้วย หิวเมื่อไรก็เอาออกมาย่าง ปิ้ง ทอด อร่อยแถมปลอดภัย ไร้สิ่งสกปรกเจือปน วันนี้ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอมขอนำสูตรไส้กรอกอีสานรสเด็ด ที่คุณ kateka@diaryclub.comได้ทดลองทำและปรับสูตรมาหลายครั้งจนได้รสชาติไส้กรอกอีสานขนานแท้ที่อร่อยลงตัว ลองไปดูสูตรกันเลย....

ส่วนผสม

1. หมูบดแบบมีมัน 800 กรัม……(เนื้อหมูล้วน500กรัม+ มันหมู300กรัม)
2. ข้าวจ้าวหุงสุกแล้ว 250 กรัม
3. กระเทียมสดแกะเปลือก สับละเอียด 100-150 กรัม
4. พริกไทยป่น ½ ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
7. ไส้หมูหรือไส้เทียม(หาซื้อได้ที่ตลาดสด โลตัส หรือสั่งทางอินเตอร์เน็ตก็ได้)
8. เชือกสำหรับมัด 

วิธีทำ

1. ล้างไส้หมู คือนำไส้หมูกลับด้านในออกมาด้านนอกนำไปขยำเกลือล้างเมือกให้หมดจากนั้นนำแป้งสาลีมาทาและขยำเพื่อกำจัดกลิ่นคาว แล้วล้างน้ำให้สะอาด และกลับด้านนอกออกพักให้สะเด็ดน้ำ …ถ้าเป็นไส้เทียม ให้นำไปแช่น้ำอุ่นให้นิ่ม ประมาณ 30 นาที(เพื่อล้างเกลือและกลิ่น) นำมาซับน้ำให้แห้งก่อนยัดหมู
2. นำเนื้อหมู หนังหมู เกลือ และน้ำตาลทราย มาคลุกเคล้าให้เข้ากันนวดให้เข้ากันจนส่วนผสมเหนียว แล้วจึงใส่ข้าวสุกและกระเทียม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. จากนั้นนำส่วนผสมยัดในไส้หมูที่เตรียมไว้ จากนั้นมัดเป็นข้อๆ
4. นำไส้กรอกใส่ถุงหรือกล่องที่ปิดสนิท พักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 2 วันเพื่อให้เปรี้ยว
5. จากนั้นนำไปปิ้งหรือทอดก็ได้ 

เคล็ดลับความอร่อย

• การใส่มันหมูมากสักหน่อยจะช่วยให้ไส้กรอกไม่แข็ง
• สูตรส่วนใหญ่มักไม่ใส่น้ำตาล แต่จริงๆ แล้วการใส่น้ำตาลด้วยเป็นยอดเคล็ดลับความอร่อยเลยล่ะ
• การยัดไส้กรอกที่ดี คืออย่าให้แน่นมาก เพราะจะทำให้ไส้กรอกที่ได้แข็ง ทานแล้วไม่อร่อย 
• สูตรนี้หากรับประทานก่อนครบ 2 วันไส้กรอกจะเค็มมากไป เพราะยังเปรี้ยวไม่ได้ที่แต่ถ้าไม่ชอบไส้กรอกเปรี้ยว ให้ลดเกลือลงเหลือแค่ ½ ช้อนโต๊ะ แล้วหมักแค่ข้ามคืนก็พอแล้ว
• สำหรับคนที่อยากทานจริงๆ แต่หาไส้ไม่ได้ ก็ให้นำหมูที่คลุกแล้ว ใส่ถุงหรือกล่องกดให้แน่นสักนิด แล้งทิ้งไว้ที่อุณหภมิห้องจนเปรี้ยว ก็สามารถพร้อมรับประทานได้แล้ว
• เทคนิการย่างไส้กรอก…ก่อนปิ้งต้องใช้เข็มแหลมแทงเป็นระยะๆ เพื่อไล่ลมออก ไส้กรอกจะได้ไม่แตกขณะปิ้ง อย่าแทงถี่จะทำให้แตกได้ ให้แทงห่างๆ …หรือจะนำไปนึ่งเกือบสุกแล้วจึงนำไปย่างก็ได้ เพื่อเวลาย่างจะได้ไม่แตกและสีสวยสม่ำเสมอ

สูตรผัดซีอิ๊วหมู รสเด็ด ทำกินได้ทำขายดี

สูตรอาหารจานเดียว "ผัดซีอิ้ว" เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ สะดวก แถมอร่อยอีกต่างหาก ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เคล็ดลับความอร่อยของเมนูผัดซีอิ้วนี้อยู่ที่การผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เข้ากันดีกับเครื่องปรุงและส่วนผสม ส่วนหมูที่ใช้ก็ควรใช้หมูหมักถึงจะหอมและนุ่ม สำหรับสูตรและวิธีทำผัดซีอิ้วที่ zabwer.com นำมาแนะนำนี้รับรองหอม อร่อย สามารถทำขายได้เลย….

ส่วนผสม

1. เส้นใหญ่ ถ้าเป็นเส้นแห้งแช่น้ำให้นิ่มแล้วลวกจนสุก ระวังอย่าให้เละ ล้างด้วยน้ำเย็นจากนั้นนำมาคลุกน้ำมันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน 1-1/2 ถ้วย
2. เนื้อหมูหั่นบางและหมัก ½ ถ้วย
3. คะน้า (หั่นประมาณ 2-3 นิ้ว นำไปลวก และพักไว้) 3-4 ต้น 
4. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ 
5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
6. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ 
7. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ
9. เต้าเจี้ยว ¼ ช้อนโต๊ะ
10. พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย
11. มะนาว ผ่าซีก

วิธีหมักเนื้อหมู
นำเนื้อหมูหั่นบาง ½ ถ้วยมาหมักด้วย กระเทียมบด ½ ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ, แป้งมัน ½ ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ, พริกไทยป่น 1/8 ช้อนโต๊ะ, ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันด้วยไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนใส่ไข่ คนเบาๆให้ไข่เป็นแผ่น
2. ใส่หมูที่หมักแล้ว ผัดจนหมูสุก
3. เร่งเตาเป็นไฟแรงใส่เส้น ใส่ซีอิ้วดำ เต้าเจี้ยว ผัดให้เร็วและต้องผัดเบาๆ ระวังเส้นขาด
4. พอซีอิ้วดำคลุกเส้นทั่วและเส้นหอม ให้ใส่น้ำตาลกับน้ำปลาผัดจนแห้ง 
5. ใส่คะน้าหรือผักอื่นๆ ที่ลวกแล้ว ผัดแค่พอเข้ากัน ตักใส่จานโรยพริกไทยป่นเล็กน้อยเสิร์ฟพร้อมกับมะนาว และน้ำส้มพริกดอง

เคล็ดลับความอร่อย

• หมูที่หมักแล้วก่อนนำมาผัดจะหอมและนุ่มกว่าใช้เนื้อหมูสด
• ผักควรลวกก่อนเพราะจะทำให้ผักมีสีเขียวน่าทานและผัดซีอิ้วไม่แฉะ
• หากต้องการให้เส้นก๋วยเตี๋ยวมีสีดำสวยเสมอกัน ก็ให้นำเส้นก๋วยเดี๋ยวมาคลุกกับซีอิ๊วดำให้เข้ากันก่อนนำไปผัด
• การผัดซีอิ้วต้องใช้ไฟแรงเส้นจึงจะหอม และอย่าคนเส้นแรง การคนเส้นเบาๆจะทำให้เส้นสวยและไม่ขาด
• สำหรับคนที่ชอบเส้นหมี่ แนะนำให้ใช้เส้นไวไวแช่น้ำจนนิ่มแต่ไม่ต้องลวก แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำมันในกระทะมากขึ้นอีกนิดหน่อย ตามสูตรจะประมาณ 1.5 ช้อนโต๊ะ ผัดไฟร้อนเส้นจะนิ่มเอง จากนั้นขั้นตอนทุกอย่างเหมือนกันตามข้างบน
• ถ้าไม่ชอบผักคะน้า สามารถใส่เป็นกวางตุ้ง บล็อคโคลีหรือแครอทแทนได้

ส้มตำไทย 2 สูตรแซ่บเวอร์ พร้อมเคล็ดลับทำส้มตำไทยให้อร่อย

สูตรเมนูอาหารไทย “ส้มตำ” สำหรับสูตรนี้เป็นสูตรตำไทย รสแซ่บเวอร์ ไม่ใส่ปูดองและไม่ใส่ปลาร้า แต่ถ้าใครชอบปูดองหรือปูนึ่งก็สามารถใส่ลงไปด้วยได้ รสชาติอร่อยเหมือนกัน ส้มตำนั้นถือเป็นอาหารที่นิยมทานกันมากทั่วทุกภาค สามารถทำได้ง่ายๆ มะระกอสับหยาบๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ จนได้รสชาติครบทุกรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็มเล็กน้อย ใครชอบรสชาติไหนนำก็สามารถปรุงเพิ่มได้ง่าย ส้มตำนิยมทานคู่กับข้าวเหนียวไก่ย่าง โดยมีผักสดต่างๆ เป็นเครื่องเคียง วันนี้ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอม (zabwer.com) ขอแนะนำเมนูส้มตำไทย 2 สูตร เด็ดรับประกันอร่อยแซ่บบบบแน่นอน….

สูตรที่ 1

ส่วนผสม

1. มะละกอสับ1 1/2 ถ้วย
2. ถั่วฝักยาวหั่นยาวประมาณ 2.5 นิ้ว ¼ ถ้วย
3. กระเทียม 1-2 กลีบ
4. กุ้งแห้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ถั่วลิสงคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ
6. พริงแดงสดตามใจชอบ(เผ็ดปานกลาง 4-5 เม็ด)
7. มะเขือเทศลูกเล็กผ่าครึ่ง 4 ลูก
8. น้ำมะนาว ½ -1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมน้ำปรุง

1. น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ถ้วย
2. น้ำปลาอย่างดี 1 ถ้วย
3. น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย

(เอามะขามเปียก ½ ถ้วย + น้ำร้อน 1 ถ้วย ขยำให้เนื้อมะขามละลายแล้วกรองเอาน้ำ…ให้ได้ 1 ถ้วย)

วิธีทำน้ำปรุง

• นำน้ำมะขามเปียกที่ได้ใส่หม้อตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลา คนให้น้ำตาลละลาย เคี่ยวไฟกลางค่อนไปอ่อน ประมาณ 6-7 นาทีหรือจนน้ำข้น อย่าให้ข้นมาก เพราะเวลาเย็นแล้วน้ำจะเหนียวและข้นมากขึ้นอีก

วิธีทำ

1. ในครกโขลกกุ้งแห้งหยาบๆ ใส่กระเทียมลงไปตำ ใส่พริกสดตำต่อพอแตก จากนั้นใส่ถั่วลิสงกับถั่วฝักยาวตำเบาๆ 
2. ใส่มะละกอ 1/2 ถ้วย และใส่มะเขือเทศ ใส่น้ำปรุงที่เตรียมไว้ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ ตำเบาๆให้เข้ากัน
3. จากนั้นใส่มะละกอที่เหลือ ตำแค่พอเข้ากัน ชิมและปรุงรสตามชอบ

สูตรที่ 2
สูตรนี้แนะนำไว้โดยเชฟสุรินทร์ แห่งภัตตาคารครัวระเบียงปาย (http://www.9nha.com/paicooker.html)

ส่วนผสม

1. มะละกอสับหรือขูดเป็นเส้น 1 ½ ถ้วยตวง
2. ถั่วฝักยาวหั่นท่อน (1 นิ้ว) 2 ฝัก
3. มะเขือเทศเฉือนบางๆ 1 ลูก
4. กระเทียม 7 กลีบ
5. กุ้งแห้งอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
6. ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
7. พริกขี้หนู 7 เม็ด
8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
12. ผักสดกินคู่กับส้มตำ

วิธีทำ

1. โขลกพริกขี้หนูและกระเทียมเข้าด้วยกันพอแหลกไม่ต้องละเอียด 
2. จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก คนให้ละลายเข้ากัน 
3. ใส่ถั่วฝักยาว มะเขือเทศและมะลกอลงไปตำเบาๆ พอเข้ากัน ชิมรสดู ปรับแต่งตามชอบ 
4. ได้ที่แล้วใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงลงไปโขลกเบาๆ พอเข้ากัน ก็ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อยวิธีทำส้มตำไทยให้อร่อย

• ครกที่ใช้ตำส้มตำจะใช้ครกไม้ เพราะเวลาตำส้มตำจะไม่แหลกเกินไป
• อย่าตำมะละกอนาน เพราะมะละกอจะไม่กรอบ ให้ตำเบาๆ และคนแค่พอให้เข้ากันก็พอแล้ว
• เวลาปรุงรส อย่าใส่รสจัดตั้งแต่แรก ค่อยปรับที่หลังดีกว่า เพราะถ้ารสชาติเข้มข้นเกินไปจะแก้ไขยาก
• เคล็ดลับทำให้มะละกอกรอบและสดอยู่นาน คือ เมื่อสับหรือซอยมะละกอเป็นเส้นแล้วให้นำไปแช่น้ำเย็นจัดๆ หรือแช่น้ำแข็งให้เย็นจะช่วยทำให้มะละกอกรอบ เวลานำไปทำส้มตำจะทำให้อร่อยมากขึ้น 

สูตรหมักปลาหมึกย่าง น้ำจิ้มแซ่บ อร่อยทำขายได้เลย

เมนูอาหาร สูตรอาหาร “ปลาหมึกย่าง” พร้อมสูตรน้ำจิ้มรสแซ่บ จัดจ้าน สูตรนี้อร่อยสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้เลย ปลาหมึกสด ย่างไฟร้อนๆ กลิ่มหอมหวลชวนทาน เนื้อปลาหมึกกรอบนุ่มหนึบทานกับน้ำจิ้มแซ่บๆ เป็นอะไรที่เข้ากันมากๆ อร่อยไม่รู้เบื่อ ไปตลาดนัดที่ไรเป็นต้องอุดหนุน แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยไปทุกร้านนะ การทำปลาหมึกย่างนั้นแม้จะไม่ยุ่งยาก ใครๆ ก็ทำได้ แต่จะให้รสชาติออกมาอร่อยนั้นต้องมีสูตรมีเคล็ดลับเฉพาะตัวกันหน่อย สำหรับสูตรปลาหมึกย่างและสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เรา zabwer.com นำมาฝากนี้ รับรองได้ว่าอร่อยเด็ดลูกค้าติดใจแน่นอน

ส่วนผสม

1. เนื้อปลาหมึกหั่นชิ้น 500 กรัม
2. หนวดปลาหมึก 500 กรัม
3. น้ำต้มสุก 5ถ้วยตวง
4. ซีอิ๊วดำหวาน 1ถ้วยตวง
5. ขมิ้นผง 1-2 ถ้วยตวง
6. ไม้ปลายแหลม

ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด

1. พริกสดสีแดงและสีเขียวรวมกัน 100 กรัม
2. กระเทียมกลีบใหญ่ 50 กรัม
3. น้ำมะนาว (ใช้แบบขวดก็ได้) ¾ ถ้วยตวง
4. น้ำปลา ½ ถ้วยตวง
5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
6. น้ำเปล่า 100 กรัม

วิธีทำ ปลาหมึกย่าง

1. ล้างปลาหมึกให้สะอาดและไม่มีกลิ่นคาว
2. ให้นำปูนขาว (ปูนกินหมาก)1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 ลิตร นำปลาหมึกไปแช่ 10 – 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด…ที่เป็นเคล็ดลับทำให้ปลาหมึกย่างกรอบอร่อย
3. ผสมน้ำต้มสุกซีอิ๊วหวาน และผงขมิ้นเข้าด้วยกันเพื่อให้สีเหลืองน่ารับประทาน
4. นำปลาหมึกไปแช่ในน้ำซีอิ๊วที่ทำเตรียมไว้ และยกแช่ในตู้เย็นหรือถังน้ำแข็งก็ได้ ประมาณ2 - 3 ชั่วโมง
5. จากนั้นนำเนื้อปลาหมึกและหนวดปลาหมึกมาเสียบด้วยไม้ปลายแหลม
6. นำปลาหมึกขึ้นย่างบนเตาถ่านพอสุกจนสุกทั้ง 2 ด้าน (อย่าให้สุกมากเพราะจะเหนียวและแข็ง) จัดใส่จาน เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด

วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด

1. นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟยกลง คนให้เย็น พักไว้
2. ใส่พริกสด กระเทียม น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนละเอียด เทใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อยการเก็บปลาหมึกให้สดนาน

• แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง
• อย่าแช่ปลาหมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก

สูตรข้าวผัดกุ้งห่อไข่เมนูง่ายๆ แสนอร่อย และวิธีทำข้าวห่อไข่ให้สวยน่าทาน

เมนูอาหารง่ายๆ ข้าวห่อไข่ สูตรนี้เป็นข้าวผัดกุ้งห่อไข่ แต่สามารถเปลี่ยนจากกุ้งเป็นปลาหมึก หมู ไก่ หรือข้าวผัดห่อไข่เฉยๆ ก็ได้ แล้วแต่ชอบ เมนูข้าวไข่ห่อหรือไข่ห่อข้าวนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยน่าทานแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหารจากผักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ แครอท หอมกระเทียม ข้าวโพดสุก ยอดข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา เห็ดหอม ฯลฯ ช่วยทำให้คนที่ไม่ชอบกินผัก หันมาทานผักได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเด็กๆ สำหรับวันนี้ zabwer.com ขอแนะนำสูตรข้าวผัดกุ้งห่อไข่ ที่อร่อยแบบร้านดังๆ ที่ทำขายกัน พร้อมเคล็ดลับวิธีทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยและสวยน่าทาน

ส่วนผสม ข้าวผัดกุ้ง

1. ข้าวสวยหุงให้แข็งสักนิดตักออกพักไว้ให้เย็น 1 ถ้วย
2. หอมหัวใหญ่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
3. มะเขือเทศ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
4. แครอท หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
5. กระเทียมกลีบเล็กสับละเอียด 1-2 กลีบ
6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
7. กุ้งตัวเล็ก 1/3 ถ้วย
8. หอมผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืช ½ ช้อนโต๊ะ
10. เกลือ 1/8 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำตาล ¼ ช้อนโต๊ะ
12. น้ำมันหอย½ ช้อนโต๊ะ
13. ซอสปรุงรส 1/4 ช้อนโต๊ะ
14. พริกไทยป่นเล็กน้อย

วิธีทำ ข้าวผัดกุ้ง

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยด้วยไฟอ่อน พอร้อนแล้วใส่ไข่ คนให้กระจายเป็นแผ่น (จะได้สวย)
2. จากนั้นใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียมสับ แครอทและมะเขือเทศลงไป ผัดให้ได้กลิ่นหอมของหัวหอมแล้วจึงใส่กุ้ง ผัดจนกุ้งเกือบสุกแล้วจึงใส่ข้าว
3. เร่งเป็นไฟแรง ผัดข้าวและส่วนผสมให้เข้ากัน 
4. จากนั้นหรี่เตาเป็นไฟอ่อน แล้วจึงใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง
5. เปิดไฟให้แรงอีกครั้งผัดจนเข้ากันดี ปิดไฟ ตักใส่จานพักไว้

ส่วนผสม ไข่สำหรับห่อ

1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือเล็กน้อย
4. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำข้าวห่อไข่ (สูตรนี้สามารถห่อได้ 2 ห่อ)

1. ตีไข่ นม และเกลือ แค่พอเข้ากัน …อย่าให้ฟู
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 1/2 ช้อนโต๊ะด้วยไฟอ่อนใส่ไข่ครึ่งแรกลงไป ค่อยๆหมุนกระทะจนไข่แผ่เป็นแผ่นบาง …ที่สำคัญคือต้องใช้ไฟอ่อนไข่จึงจะเหลืองสวย พอไข่สุกปิดไฟ
3. ตักข้าวผัดประมาณ 1/2 ถ้วย ใส่ตรงกลาง แล้วพับขอบไข่ห่อข้าวให้เป็นสี่เหลี่ยม กดให้ไข่อยู่ตัว จากนั้นใช้จานปิดกระทะเพื่อคว่ำไข่ที่ห่อข้าวเรียบร้อยแล้วใส่ในจาน
4. พร้อมเสิร์ฟ ...หรือจะใช้มีดกรีดไข่เป็นตัว X ตรงกลาง เปิดออกแล้วแต่งด้วยผักชีให้สวยงาม

เคล็ดลับความอร่อยวิธีทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยและสวยน่ารับประทาน

• การทำข้าวผัดให้อร่อย คือข้าวต้องเย็น..เย็นในที่นี้คืออุณหภูมิห้อง (ห้ามนำข้าวสวยสุกเข้าตู้เย็นเด็ดขาดเพราะข้าวแช่เย็นเวลาผัดจะแฉะ) ใส่ไข่ผัดไข่ให้สุกก่อน จากนั้นจึงใส่เนื้อสัตว์กับผัก …การผัดข้าวผัดกุ้งหรือปูรวมถึงข้าวผัดทะเล เวลาที่ผัดต้องใช้ไฟแรง จึงจะหอม (แต่ถ้าเป็นปลาหมึกต้องลวกก่อนเพราะปลาหมึกสดน้ำเยอะมากจะทำให้ข้าวผัดแฉะ)
• ถ้าทำข้าวผัดกุ้งอย่างเดียวเลือกใช้กุ้งตัวใหญ่ก็ได้ แต่ถ้าทำข้าวห่อไข่ควรใช้กุ้งตัวเล็ก
• สำหรับข้าวผัดเนื้อหมูหรือไก่…ใช้น้ำปลาจะอร่อยกว่า ถ้าเป็นข้าวผัดทะเล ปลาหมึก หรือกุ้ง…ใช้เกลือจะหอมกว่าน้ำปลา 
• เมนูข้าวห่อไข่ ควรใช้เป็นกระทะกว้างๆ ในการผัด เพราะเวลากลิ้งไข่เป็นแผ่นในกระทะจะทำได้สะดวก และไข่เป็นแผ่นบางสวย
• การห่อไข่ใส่นม…ไข่จะนิ่มขึ้น
• ที่สำคัญเลย เวลาทำข้าวห่อไข่ย้ำว่าให้ใช้ไฟอ่อน (ใจเย็นๆ) ไข่จะได้บางและสวยนะครับ
• ข้าวห่อไข่ เราจะทำเป็นข้าวผัดเปล่าๆ ห่อไข่ก็ได้ …อร่อยเหมือนเดิมใช้สูตรเดียวกับด้านบนนี้ เพียงแค่ไม่ใส่กุ้งก็เท่านั้นเอง หรือจะใส่เป็นเนื้อหมู ไก่ ทะเล หรือใส่ผักต่างๆเพิ่มก็ได้ทั้งนั้น^^

เรียบเรียงโดย Zabwer.com 

ที่มาสูตรแนะนำไว้โดยคุณ kateka.diaryclub.com