คนที่เข้ามาหาคุณนั้น มีหลายแบบ เราจงรู้จักแยกให้ออก
บ้างก็เรื่องจริง บ้างก็แค่ละคร ให้ดูน่าสงส าร
บางครั้งคุณยื่นมือเข้าไปช่วย แทนที่จะได้รับสิ่งที่ดีคืนมา กลายเป็นความซ ว ย
แต่คุณเชื่อเหอะ ถ้าเขาไม่รู้จักบุญคุณ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญหรอก
ชีวิตเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ ดี เหมือนจะราบรื่นแต่ก็ไม่ราบรื่น
ล้ ม ลุกคลุกคลานอยู่ที่เดิม สุดท้ายก็พั ง ไม่เป็นท่า
โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร ทำสิ่งใด ไม่ต้องทวงบุญคุณ
ดีที่สุดคือ เลิกคบ ออกไปให้ไกลจากชีวิตเขา
คนเราจะอยู่คนเดียวตามลำพั ง ไม่ได้ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ทั้งในด้านกำลังกาย กำลังความคิด และอื่นๆ
ถ้าได้รับอุปการะจากผู้ใด ก็เรียกผู้นั้นว่า ผู้มีบุญคุณหรือผู้มีพระคุณ
ใครช่วยเหลือให้อุปการะแก่เรา ก็ไม่พึงลืมบุญคุณของคนนั้น
ผู้ไม่ลืมอุปการะที่ผู้อื่นมีแก่ตน ย่อมเป็นผู้เจริญด้วย ลาภยศสรรเสริญ ไมตรี
แต่ใครไม่รู้บุญคุณของผู้อื่น หรือลบหลู่บุญคุณของผู้มีอุปการะของตัวเอง
ผู้นั้นจะเป็นผู้ ต่ำ ต้ อ ย ทำความดีไม่ขึ้น เป็นคน อ า ภั พ
แม้จะพย าย ามขวนขวายยังไง ก็มักจะ ล้ ม เ ห ล ว ไม่เป็นท่าเหมือนเดิม
การลบหลู่บุญคุณของผู้มีพระคุณ เขาเรียกว่า การ เ น รคุณ
การ เ น ร คุณเป็นตัว ก า ล กิ ณี จะคอยดึงให้คนเ น ร คุ ณ ต ก ต่ำ
ไม่มีโอกาส ที่จะมีความสุขได้ในชีวิตได้เลย
เพราะไม่มีความกตัญญู ไม่มีความเป็นผู้รู้คุณคน
จงคิดให้ได้เถิด เมื่อคิดได้แล้ว เปลี่ยนนิสัยตัวเอง ได้ชดใช้ตามสมควรแล้ว
ชีวิตก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัยต่างๆ ที่ควรจะเป็น
กตัญญูรู้คุณคนแล้วตอบแทน นี่แหละ สัญลักษณ์ของคนดี