ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ข้าวคลุกกะปิอาหารจานเดียว สูตรอร่อยจนต้องบอกต่อ

สำหรับเมนูอาหารวันนี้ zabwer.com ขอแนะนำข้าวคลุกกะปิ (shrimp paste fried rice) สูตรอาหารจานเดียวแสนอร่อย เมนูอาหารภาคกลาง ที่จริงๆแล้วเป็นเมนูอาหารไทยที่ทำง่ายๆ แต่อาจใช้เวลาทำนานก็เพราะต้องเตรียมเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิหลายอย่าง แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็คุ้มค่ากับการรอคอยยิ่งนัก ด้วยเสน่ห์ของข้าวผัดที่มีกลิ่นหอมฉุยของกะปิและมีรสอร่อยออกเค็มๆนิด บวกกับความเปรี้ยวของมะม่วงซอยเส้น ตัดด้วยรสชาติหวานๆของหมูหวาน แล้วไหนจะเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวฝอย กุนเชียงทอด กุ้งแห้งทอด หอมแดง ถั่วฝักยาว แตงกวา พริกขี้หนู และมะนาว แค่พูดขึ้นมานี่…ก็นึกหิวข้าวขึ้นมาแล้ว


ส่วนผสม
ข้าวหอมมะลิที่หุงสุกเม็ดสวยๆ (แม่อบเชยใช้ข้าวที่หุงไว้แล้วเก็บในตู้เย็น) 4 ถ้วย
กระเทียมสับ 5-6 กลีบ
กะปิอย่างดี 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าหรือน้ำซุป 1/4 ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับผัดข้าว 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)
น้ำตาลทราย (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)


เครื่องเคียง :ไข่ฝอย กุนเชียง กุ้งแห้ง หอมแดง ถั่วฝักยาว พริกขี้หนู มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ หมูหวาน
ดังนี้   ไข่เจียวทอดบางหั่นฝอย (ไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้) 4 ฟอง
          กุนเชียงทอดหั่นแว่น
          กุ้งแห้งทอด 4 ช้อนโต๊ะ
          หอมแดงซอย 4 ช้อนโต๊ะ
          ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนขนาดเล็ก 8 ช้อนโต๊ะ
          พริกขี้หนูซอย
          มะม่วงเปรี้ยวซอยเป็นเส้น 1 ½ - 2 ถ้วย
          หมูหวาน

สำหรับส่วนผสมและวิธีทำหมูหวานสามารถดูได้ที่นี่ครับ : หมูหวานเลิศรส ทานกับอะไรก็อร่อย

วิธีทำ
1. มาเตรียมเครื่องเคียงให้พร้อมก่อนเลย ง่ายๆดังนี้
  • เจียวไข่บางๆโดย คนไข่1ฟองกันน้ำซุปหรือน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ ให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากันแต่ไม่มีฟอง 
  • ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อนๆ ทาน้ำมันพืชเล็กน้อย (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) ให้ทั่วกระทะ เมื่อกระทะร้อนเทไข่ลงกลางกระทะ กลอกไข่เป็นแผ่นกลมบางๆ หนาเท่าๆกัน จนไข่เริ่มสุก ปิดไฟ แล้วพับม้วนจนหมด นำมาหั่นเป็นเส้นเล็กฝอยๆ
  • แช่กุนเชียงในน้ำร้อน จนผิวด้านนอกบวม น้ำมาหั่นบาง แล้วนำไปคั่วในกระทะที่ไม่ใส่น้ำมัน คนไปมาตลอด จนกุนเชียงสุกและน้ำมันออกมา ตักขึ้นพักไว้ 
  • กุ้งแห้งนำไปแช่น้ำให้นิ่ม ซาวขึ้นมาพักไว้สะเด็ดน้ำให้หมด แล้วนำไปทอดในน้ำมันที่ออกมาจากกุนเชียง ทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้
  • หั่นหอมแดงตามยาวบางๆ มะม่วงขูดเป็นเส้น ถั่วฝักยาวหั่นตามขวาง พริกขี้หนูซอย มะนาวหนึ่งลูกผ่าเป็น 2 ซีก
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่กระเทียมลงไปเจียว…พอกระเทียมเริ่มเหลือง ก็ให้ใส่กะปิลงไปยีด้วยปลายตะหลิวให้กะปิกระจายไม่เกาะกันเป็นก้อน แล้วก็ผัดๆ ไปสักแป๊บ (หรือจะห่อแล้วนำไปย่าง) จนกะปิสุกส่งกลิ่นหอมดี ก็ให้ใส่น้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไปคนให้ละลาย จากนั้นก็ใส่ข้าวสวยตามลงไปเลยครับ จากนั้นก็ผัดๆที่ใช้ไฟอ่อนๆ คลุกเคล้าให้กะปิกับข้าวเข้ากันดี เมล็ดข้าวมีสีสวยสม่ำเสมอกัน (อย่าให้กะปิเกาะติดขาวเป็นก้อนๆ) ชิมดูถ้าจืดไปก็เติมน้ำปลา…และใส่น้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อยถ้าชอบ (ใส่หรือไม่ก็ได้ครับ) เมื่อรสชาติเป็นที่พอใจแล้วก็ปิดไฟ ตักใส่จานและพักไว้

3. มาจัดจาน เตรียมหม่ำกัน…เริ่มด้วยอัดข้าวลงพิมพ์ใส่จาน ตกแต่งด้วยเครื่องเคียงทั้งหมดที่เตรียมไว้วางลงไปอย่างละนิดละหน่อย เช่น ไข่ฝอย หมูหวาน กุ้งแห้งทอด กุนเชียงทอด มะม่วงซอย หอมแดง พริกขี้หนูสวน แตงกวา ผักชี(โรยหน้า) และมะนาว หรือนอกจากนี้หมูหวานอาจจะตักใส่ถ้วยเล็ก ๆ แยกไว้ต่างหากก็ได้แล้วแต่ความชอบ… ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


เคล็ดลับเพิ่มความอร่อย
  • น้ำมันที่ใส่ผัดข้าวคลุกกะปิไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้แฉะและเลี่ยน ไม่น่ากิน 
  • กะปิที่ใช้ควรเลือกใช้เป็นกะปิอย่างดี สีธรรมชาติ รสชาติไม่เค็มมาก
  • ข้าวสวยที่ใช้ผัดต้องไม่แฉะ นอกจากนี้ เมื่อข้าวสุกใหม่ร้อนๆ ควรเกลี่ยใส่ถาดให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัด หรือใช้ข้าวที่หุงไว้แล้วเก็บในตู้เย็นด็ได้ (เพื่อข้าวจะได้ไม่เกาะตัวเป็นก้อน )
  • มะม่วงที่ใช้: ควรเลือกเป็นมะม่วงเปรี้ยวจะอร่อยที่สุด เช่น มะม่วงแก้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ ฯลฯ หรือถ้าไม่มีจริงๆอาจประยุกต์ใช้ถ้ามะม่วงไม่ค่อยเปรี้ยว…เราก็บีบมะนาวใส่ลงไป คลุกเคล้ามะม่วงกับมะนาวให้เข้ากันก็อร่อยใช้ได้ครับ
  • กุ้งแห้งควรเลือกเป็นกุ้งแห้งอย่างดี รสชาติไม่เค็มมาก เลือกที่มีสีธรรมชาติมีส้มอ่อนๆ ตัวขนาดกลาง แต่ถ้าเค็มมากเราก็นำไปล้างน้ำก่อนก็ได้ครับ (เพื่อลดความเค็ม) แล้วจึงนำกุ้งแห้งไปทอดพอหอมๆ ก็ใช้ได้แล้ว
  • นอกจากนี้ สามารถใส่ไข่เค็มเพิ่มเข้าไปได้ เลือกลูกที่ไข่แดงฉ่ำ ๆ ปอกเปลือก แล้วก็ผ่า 4 หรือผ่า 6 ส่วนตามชอบครับ

เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com

3 สูตรหมูหวานเลิศรส ทานกับอะไรก็อร่อย

หมูหวาน (Moo Wan or Sweet Pork) อีกสูตรอาหารไทยที่ทำง่ายและอร่อย มีรสหวานกลมกล่อมตัดเค็มนิดๆ บวกกับความนุ่มอร่อยของเนื้อหมู ไม่ว่าเราจะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆก็อร่อยจนไม่อยากวางมือเลย รับประทานแล้วก็อยากรับประทานอีก นอกจากนี้ หมูหวานสามารถรับประทานกับสาระพัดน้ำพริกก็อร่อยเข้ากันดี ทานกับแกงส้ม หรือกับสาระพัดอาหารได้แทบทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นเมนูข้าวคลุกกะปิยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าทำข้าวคลุกกะปิแล้วไม่มีหมูหวานนี่คงหาความอร่อยครบรสได้ยาก

สำหรับหมูหวานแต่ละสูตรก็มีวิธีทำแตกต่างกันไป แล้วแต่ใครเห็นว่าสูตรไหนอร่อย สำหรับหมูหวานทั้ง 3 สูตรที่เรา zabwer.com นำมาฝากนี้ เป็นสูตรหมูหวานที่รับรองว่าอร่อยนุ่ม แต่มีขั้นตอนวิธีทำที่แตกต่างกัน จึงอยากนำมาฝากเผื่อใครที่กำลังสนใจหาสูตรหมูหวานอร่อยๆทำทานเองที่บ้าน ก็ตามไปดูกันเลยครับ

หมูหวานสูตรที่ 1

หมูหวานสูตรนี้ เป็นการนำกระเทียมมาผัดพอหอม ตามด้วยหมูสามชั้นผัดพอสุก นำมาปรุงรสนู่นนี่นั่น แล้วก็เคี่ยวไปเรื่อยๆจนเนื้อนุ่ม จากนั้นถึงนำมาผัดกับน้ำตาลปี๊บจนเครื่องปรุงเข้าเนื้อ มีรสหวานกลมกล่อมตัดเค็มนิดๆ นุ่มอร่อย แต่ถ้าใครที่ ไม่ชอบทานเนื้อติดมันก็สามารถใช้เนื้อส่วนสันคอหมูแทนก็ได้ ให้ความอร่อยนุ่มเช่นกัน (ใครกลัวอ้วนยิ้มออกแล้วละซิ^_^)

ส่วนผสมหมูหวาน (สำหรับ 4 ที่)
หมูสามชั้น 400 กรัม
หอมแดงปอกเปลือก 12 หัว
น้ำมันถั่วเหลือง 4 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
  • ล้างเนื้อหมู และหั่นหมูสามชั้นตามขวางเป็นชิ้นเล็กประมาณหนา 1 เซนติเมตร ยาว 1 นิ้ว 
  • ปอกหอมแดง นำไปล้างให้สะอาดและซอยเป็นแว่นบางๆ 
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง เติมน้ำมันพืชสักเล็กน้อยลงไป ใส่หอมแดงลงไปเจียวให้หอม
3. แล้วจึงใส่หมูสามชั้นตามลงไปผัดให้เข้ากันเกือบสุก
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ถ้าอยากให้หมูหวานมีสีเข้มขึ้นให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไป ผัดทั้งหมดให้เข้ากัน
5. เติมน้ำเปล่าลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดฝาเคี่ยวประมาณ 10 นาที…ให้น้ำซอสงวด (คือเมื่อน้ำเริ่มแห้ง)
6. จึงค่อยเติมน้ำตาลปี๊ปลงไป ผัดให้เข้ากัน จนกระทั่งน้ำตาลปี๊ปละลายหมด ปิดไฟ
7. ตักหมูหวานใส่จาน…พร้อมเสิร์ฟ…จะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆ ก็อร่อยทั้งนั้น

## หมูหวานควรใส่น้ำตาลปี๊บในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อไม่ทำให้หมูสามชั้นรัดตัวแข็งกระด้างเวลาทาน ##


ขอขอบคุณรูปภาพและสูตรจาก:https://www.facebook.com/media/set/?set=a.182871331839223.36875.122876307838726&type=3)

หมูหวานสูตรที่ 2

ขั้นตอนวิธีทำหมูหวานสูตรนี้จะคล้ายกับสูตรที่ 1 แต่จะต่างกันที่ส่วนผสม รับรองสูตรนี้อร่อยไม่ผิดหวัง ยิ่งถ้านำไปทำเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิยิ่งอร่อยกลมกล่อมเข้ากันดีนัก เป็นสูตรจากเปิดตำราทำอาหารกับแม่อบเชย By Pakavadee Siriprasert ลองนำสูตรไปทำดูนะครับ…เป็นอีกสูตรที่อยากแนะนำ

ส่วนผสม (สำหรับ 6-7 ที่)
สันคอหมู 700 กรัม
น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วย
หอมแดงซอย 3/4 ถ้วย
เกลือ 3 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีกระเทียมพริกไทยตำละเอียด (1: 1: ¼) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
  • ล้างเนื้อหมู และหั่นหั่นสันคอหมูตามขวางเป็นชิ้นเล็กหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร
  • ปอกหอมแดง นำไปล้างให้สะอาดและซอยเป็นแว่นบางๆ
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง เติมน้ำมันพืชสักเล็กน้อยลงไป ใส่หอมแดงลงไปเจียวให้หอมจนสุกใส
3. จากนั้นจึงใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยตำละเอียด และหมู…ลงไปผัดให้เข้ากัน
4. แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วมหมู…แล้วต้มหมูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเปื่อยนุ่ม
5. ใส่น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ปรุงรสด้วยเกลือ เคื่ยวไฟกลางไปเรื่อยๆ…จนน้ำตาลเข้าเนื้อหมู
6. ตักหมูหวานใส่จาน…พร้อมเสิร์ฟ

## หมูหวานควรใส่น้ำตาลปี๊บในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อไม่ทำให้หมูสามชั้นรัดตัวแข็งกระด้างเวลาทาน ##

ขอขอบคุณรูปภาพและสูตรจาก: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pookhakae&month=04-2013&date=01&group=11&gblog=98

หมูหวานสูตรที่ 3

วิธีทำหมูหวานสูตรนี้แตกต่างจากสูตรที่ 1 และ 2 เริ่มจากต้องเคี่ยวน้ำตาลปี๊บให้ละลายและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม…จากนั้นจึงใส่หมูที่เราหั่นเตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่าลงไปพอท่วมหมู แล้วจึงปรุงรสนู่นนี่นั่น ลดไฟลงใช้ไฟอ่อนๆ ปิดฝา เคี่ยวไปเรื่อยๆและหมั่นคนเป็นระยะๆ ประมาณ 20-30 นาที…เคี่ยวไปจนกระทั่งหมูหวานเป็นประกาย เงาใสสวย สีเข้มสวยงาม...(บางคนอาจจะนึกสงสัย เคี่ยวน้ำตาลเป็นคาราเมลแล้วใส่หมูลงไปผัดอย่างนั้นหมูจะไม่แข็งกระด้างเหรอ คำตอบคือไม่แข็งกระด้าง…เพราะเราใช้หมูสามชั้นหรือเนื้อหมูติดมันครับ) หมูหวานที่ได้จากสูตรนี้จะอร่อยนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ย รสชาติก็เข้มข้นหวานกลมกล่อม เค็มตามมาห่างๆกำลังพอดี อีกทั้งกลิ่นหอมของน้ำตาลเคี่ยวทำให้หมูหวานจานนี้น่ารับประทานยิ่งนัก เป็นสูตรจากคุณปูขาเก เซมารู ว่าแล้วก็ไปดูวิธีการทำหมูหวานกันเลยครับ

ส่วนผสมหมูหวาน (สำหรับ 8 ที่)
หมูสามชั้น 850 กรัม
หอมแดงซอย ½ ถ้วยตวง
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 300 กรัม
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น เล็กน้อย
ซีอิ๊วดำ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมูหวาน
1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
  • ล้างเนื้อหมู และหั่นหมูสามชั้นตามขวางเป็นชิ้นเล็กประมาณหนา 1 เซนติเมตร ยาว 1 นิ้ว
  • ปอกหอมแดง นำไปล้างให้สะอาดและซอยเป็นแว่นบางๆ
  • กระเทียมนำไปล้างและสับหยาบ
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางและใส่น้ำมันพืช ตามด้วยหอมแดงกับกระเทียมลงไปเจียวให้หอม ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป เคี่ยวไปเรื่อยๆ…จนน้ำตาลปี๊บละลายและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มมีกลิ่นหอม (ระวังอย่าปล่อยให้ไหม้ เดี๋ยวจะขม)เคี่ยวน้ำตาลปี๊บให้ละลายและเคี่ยวต่ออีกสักนิดจนกระทั่งน้ำตาลปี๊บกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม
3. ตามด้วยใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไปผัดให้เข้ากัน จึงค่อยเติมน้ำเปล่าลงไปใส่แค่พอท่วมหมูเท่านั้น ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือป่น(ชิมรสดูตามชอบ) ถ้าอยากให้สีของหมูหวานเข้มขึ้น ให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไปด้วย
4. จากนั้นจึงลดไฟลง…ใช้ไฟอ่อนๆ ให้กระทะหมูหวานเดือดแค่ปุดๆ แล้วจึงเคี่ยวหมูไปเรื่อยๆและหมั่นคนหมูเป็นระยะๆ (เคี่ยวประมาณ 40-50 นาที) เพื่อให้หมูสุกทั่วถึงไม่ไหม้และน้ำตาลเข้าเนื้อหมู…เคี่ยวไปจนกระทั่งหมูหวานเป็นประกาย สีเข้ม เงาใสสวย และน้ำแห้งลงโดยน้ำที่เหลือจะมีลักษณะเป็นยางมะตูม…ก็เสร็จเรียบร้อย…ปิดไฟพักไว้…
5. ตักหมูหวานใส่จาน…พร้อมเสิร์ฟ…จะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆ ก็อร่อยทั้งนั้น

แนะนำเพิ่มเติม
  • หมูสามชั้นเป็นเนื้อหมูที่นิยมนำมาทำหมูหวาน แต่ถ้าท่านที่ไม่ชอบทานหมูติดมัน…ใช้เป็นสันคอหมูหรือสะโพกหมูแทนก็ได้ ทำมาแล้วเนื้อหมูไม่แข็งกระด้างครับ เพียงแต่อาจให้ความนุ่มๆหนึบๆน้อยกว่าที่ใช้หมูสามชั้น

แม่นเหลือเชื่อ เลขท้ายบัตร บอกได้ว่าคุณ จะร่ำรวยหรือลำบาก

 การทำนายดวงชะตาว่าจะรวยหรือจนนั้นแม้จะหาความแน่นอนไม่ได้นักเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นไปตามการตัดสินใจของเราด้วย แต่ว่าตัวเลขที่อยู่ติดตัวเราต...